rgb72 Blog, Technology, Internet Marketing, Hardware, Software, and Web Design Reviews

วันพุธที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

rgb72's Premium Gift 2008



และแล้ว ปี 2007 กำลังผ่านพ้นไป ปี 2008 กำลังย่างเข้ามา หนึ่งในความฝันของ rgb72 ก้ได้สำเร็จลุล่วงอีกหนึ่ง นั่นคือการจัดทำเสื้อ t-shirt เป็นของตัวเอง โดยปีนี้ได้ใช้สีเขียวและดำเป็น theme หลักในการทำเสื้อ.. นอกจากนี้ยังได้ทำ package สำหรับเตรียมพร้อมที่จะแจกลูกค้า ซึ่งถึงแม้จะทำได้ช้าหน่อย แต่ก็ดีที่ได้แจกแบบปลื้มๆ

สำหรับใครที่ request ไว้ใน HBD rgb72 ยังไม่ลืมนะครับ ยังงัยแล้วจะเก็บเอาไว้ให้ในโอกาสที่ได้เจอกันครับ

Happy New Year 2008 to you all krub.

วันศุกร์ที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

Codenames หนุกๆ

วันก่อนคิดกันว่าจะหาชื่อมาตั้งสำหรับการทำ project ใหม่ภายใน rgb72 เลยได้ idea ว่า วันนี้จะมาคุยกันเรื่อง codename ดีกว่า

Codename คือชื่อที่ทางบริษัท (ซึ่งโดยมากจะเป็นบริษัท software) เป็นคนตั้ง ทั้งนี้ก็เพื่อเหตุผลในการเก็บข้อมูลเป็นความลับ ยกตัวอย่างเช่น Photoshop version 4 นั้นใช้ชื่อว่า Big Electric Cat เวลา programmer ของ Adobe develop Photoshop version 4 ก็จะใช้ชื่อ Big Electric Cat มาเรียกแทน เกิดคู่ต่อสู้มาได้ยินเข้า ก็จะได้ไม่รู้ว่า เราพูดกันในเรื่องของอะไรอยู่

การตั้งชื่อ Codename เลยเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากอย่างหนึ่ง ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะการตั้งชื่อพวกนี้ ไม่ใช่อะไรที่เป็นสาระสำคัญ หรือต้อง serious อะไรนัก ดังนั้นชื่อที่ออกมา หลายครั้งเป็นชื่อที่ฟังดูแล้วแปลกมาก ตลกมาก วันนี้เลยขออนุญาติ เอาชื่อ codename พวกนี้ มาเขียนให้อ่านกันขำขำ

ชื่อ Codename ที่ผมคิดว่าดังที่สุด ที่หลายคนรู้จัก ก็น่าจะเป็นชื่อของ Photoshop เน๊ยะแหละครับ version 4 มีชื่อว่า Big Electric Cat อย่างที่ได้บอกไปแล้ว version 5 ชื่อ Strange Cargo, version 6 ชื่อ Venus Furs, 7 คือ Liquid Sky, CS คือ Dark Matter และสำหรับ CS2 คือ Space Monkey

ผมชอบการตั้งชื่อ codename ของ Apple นะครับ เพราะว่า Apple นั้นจะตั้ง codename software หรือผลิตภัณฑ์ตัวหลัก ได้อย่างมีแบบแผน มีการจัดกลุ่ม อย่างที่เรารู้ๆกันชัดเจนเลยก็คือ version หลักของ OSX นั้นจะเป็นกลุ่มของเสือ เช่น Cheetah, Puma, Tiger, Jaguar, Panther หรือตัวล่าสุดที่กำลังจะออก (วันนี้ วันที่ผมเขียนอยู่) คือ Leopard OSX 10.5 หรือตัว Operatiing System (OS) สมัยก่อนก็มีการจัดกลุ่มเป็นกลุ่มของดนตรี เช่น OS 7.1.2 คือ Rock&Roll, 7.5 คือ Mozart, 7.6 คือ Harmony, 8.0 คือ Tempo, 8.5 : Allegro, 8.6 : Veronica, 9.0 : Sonata, OSX Server : Rhapsody และอื่นๆอีกมากมาย

หลังจากที่คิดว่าจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับ codename เลยได้ไปค้นหาข้อมูลจาก google และได้ข้อมูลที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยก็คือ MacOS X รุ่นแรกๆ นั้นได้มีการใช้ชื่อ codename ว่า Siam ด้วย หรืออย่างตัว Apple 12" RGB Monitor ก็ใช้ชื่อ codename ว่า Mai Tai (ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะเป็นเครื่องดื่ม cocktail อันเลื่องชื่อของไทย) และก็มีชื่อ Aowthai (อันนี้ก็เข้าใจว่าอ่านว่า อ่าวไทย) เป็นชื่อของ LinuxTLE 5.5.91, 7.0-rc1 .. อ่านเจอแล้วน่าดีใจอย่างยิ่ง

คราวนี้เราลองมาดูชื่ออะไรที่แปลกๆ น่าสนใจดูบ้าง
Teddy เป็น codename ของ Apple II c ย่อมาจาก "Testing Every Day" (อุ่ย จะดีหรอคับ)
Phil and Dave's Excellent CD อันนี้เป็น Apple Develper CD ซึ่งผมเดาว่า Phil และ Dave นี่น่าจะเป็นคนทำ CD ชุดนี้
Jedi ชื่อคุ้นๆ หนึ่งในตัวละคร Starwars นั่นเอง เป็น codename ของ Cyrix Processor
ET ก็ยังเป็นชื่อของ Mac รุ่นหนึ่ง
Terminator คือ Sun Network Terminal Server
Peter Pan ชื่อน่ารักขนาดนี้ก็ยังได้เป็น Apple Macintosh TV
นอกจากนี้ยังมีชื่อการ์ตูนๆ อย่าง Barney, Batman และ Gaston ด้วย

ว่ากันมาเยอะ มีแต่ codename ของ Apple ซะส่วนใหญ่ ทีนี้ลองมาดู codename ทางฝั่ง Microsoft ดูบ้าง
Microsoft มักจะตั้งชื่อ codename ตามชื่อสถานที่ อย่างที่รู้ๆกันดังๆเลยก็มี Longhorn ซึ่งก็คือ Windows Vista นั่นเอง แต่มีใครรู้บ้างว่า..
Chicago คือ Windows95, Daytona คือ Windows NT 3.5, Memphis คือ Windows 98 หรือ Whistler คือ WindowsXP

Intel ก็จะใช้ชื่อแม่น้ำสายสำคัญๆ (โดยเฉพาะใน Oregon ซึ่งเป็นสถานที่ที่เป็นต้นกำเนิด project) ตัวอย่างเช่น Willamette, Deschutes, Yamhill, Tualatin และ Clackamas

Nintendo ก็มีการตั้งชื่อ codename สำหรับเครื่องเล่นยอดฮิตอย่าง Wii เป็น Revolution หรือ GameCube ก็มีชื่อว่า Dolphin ส่วน Nintendo DS นั้นชื่อ Project Nitro (ดูเท่จริงๆ) และ Wii Fit ก็ใช้ชื่อว่า Wii Health Pack
เริ่มมึนกันรึยังครับ

การตั้งชื่อ codename ไม่ได้ทำกันเฉพาะ software และ hardware ในวงการ computer เท่านั้น ชื่อที่ดังมากๆอีกชื่อหนึ่งที่ได้ใช้เป็น codename ในวงการทหารของสหรัฐอเมริกาก็คือ Little Boy and Fat Man

ทราบมั้ยครับว่าเป็น codename ของอะไร..

Little Boy and Fat Man เป็นชื่อของ ระเบิด Nuclear ที่ไปลงใน Hiroshiman และ Nagasaki ประเทศญี่ปุ่นครับ

** ข้อมูลที่ได้เขียนไป หากบางอย่างไม่ถูกต้อง (โดยเฉพาะชื่อ codename ที่เขียนเกี่ยวกับประเทศไทย) หากมีใครรู้คำตอบ จะช่วยเขียนแก้ไขก็ได้นะครับ ยินดีอย่างยิ่ง **

ขอขอบคุณข้อมูลที่ได้จาก Wikipedia : Code name (http://en.wikipedia.org/wiki/Codename), Answer.com : List of computer technology codenames (http://www.answers.com/topic/list-of-computer-technology-code-names), TheAppleMuseum.com (http://www.theapplemuseum.com)

วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

SAVE TCDC

หลังจากที่ได้ยินข่าวเรื่องการยุบ TCDC ก็ได้ถือโอกาสนำ link และบทความมาจาก bangkok2.com/blog มาช่วยเผยแพร่นะครับ

ข้อความบางส่วนจากคุณดวงฤทธิ์ บุนนาค

"ประเทศไทยของเราก็คงยังมีกรรมอยู่มาก ผมคิดว่ามีเครื่องจักรที่ดีว่าได้ช้าบ้าง เร็วบ้าง ก็ยังดีกว่าไม่มีเสียเลย ยิ่งเป็นเครื่องจักรที่เป็นอนาคตของความก้าวหน้าของเศรษฐกิจของชาตินี้ จะสร้างขึ้นมาขนาดมีอำนาจล้นฟ้ายังยากเย็น กว่าจะของบประมาณได้เลือดยังออกตา นี่ถ้ารัฐบาลง่อนแง่น ก็ไม่ต้องพูดถึงกันเลยนะครับ ผมก็ไม่รู้ว่าคนที่เขาดูแลเราตอนนี้คิดอะไร ถึงมารื้อเครื่องจักรที่ว่านี้เล่น ถอดเป็นชิ้นๆ ให้วิ่งไม่ได้ หัวเทียนใหม่ดี ก็เปลี่ยนหัวเทียนเก่ามาใส่ น้ำมันก็ไม่เติมให้ฝืดเคืองเสียอย่างนั้น มัวแต่คิดว่าไอ้คนขับเก่ามันไม่ดีมันโกง มันเกี่ยวอะไรกับเครื่องจักรอันนี้ไม่ทราบ คนขับมันตายไปแล้วนะ ก็ต้องทำลายเครื่องจักรนี้ให้ฉิบหายบรรลัยไปด้วย ก็ดีนะครับจะได้ลงเดินกันทั้งประเทศให้ล้าหลังสมใจ จะได้ปกครองกันง่ายๆ ว่านอนสอนง่าย หันซ้าย หันขวาได้ตามใจ"


Help support TCDC by putting your name and id number below.
we can stop this if we are together.

Blog
http://savetcdc.wordpress.com/


ลงชื่อคัดค้าน
http://aspspider.info/savetcdc/RegisterPO.aspx


Your creative future is in your hand.

ช่วยกันส่งต่อเท่าที่คุณจะทำได้ ถ้าคุณคิดว่า tcdc มีประโยนช์ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมการออกแบบ
ในประเทศไทย และจะทำให้น้องๆ ร่วมอาชีพของคุณเก่งขึ้น

วันศุกร์ที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

HBD rgb72 7yrs


และแล้ว rgb72 ก็ย่างเข้ามาถึงปีที่ 7.. 7 ปีที่บัดนี้เรามีลูกค้าหลากหลายอาชีพ หลากหลายสาขามากๆ ตั้งแต่การเงินการธนาคาร จะเล่นหุ้น จะทำ branding ไหนจะขายของ gift shop ขายรถ แจกถุงยาง กินอาหารสุนัขแกล้มเบียร์และชามะนาว พร้อมชมมายากลไปพร้อมๆกันยังได้ ไหนจะสร้างบ้าน หากต้องการเตียง หมอน ที่นอนมีครบ พร้อมเฟอร์นิเจอร์ ไม่มีขาด ส่วนถ้าบ้านใครไฟไม่ถึง ลูกค้าโรงไฟฟ้าระยองสามารถยิงตรงแบบเปรี๊ยงๆได้เลย หากใครอยู่ต่างจังหวัด net ไม่แรงก็พร้อมเสมอ ใครอยากทำโฆษณา ลูกค้า production house ใหญ่ๆ 2 เจ้าก็มีมาแจมด้วย ใครมีมือถือแต่ยังหาสัญญาณเครือข่ายจะใช้ไม่ได้ก็บอกมา หรือถ้าหาได้แล้วแต่ไม่รู้จะจ่ายเงินทางไหนสะดวก จ่ายผ่านมือถือได้อย่างสบายๆ หากใครถ่ายรูปผ่านมือถือก็ไม่ต้องกลัว เรามีบริการ print รูปจากมือถือลงกระดาษสีอย่างดี ใครต้องการนาฬิกาจะเป็นแนวผู้ใหญ่หน่อยก้ได้ หรือจะเป็นแนววัยรุ่นก็มี หากใครเบื่อๆชีวิตในเมือง จะเดินป่า มานี่เลย ของกินของใช้ไม่ว่าจะเดินป่าหลงป่า มีขายหมด หรือถ้ากลัวหลงจัดจนอาจจะเสียชีวิตกลางทาง เรามีประกันชีวิตเสริมให้อีกหนึ่งเผื่อไว้สำหรับใครมีลูก หากลูกต้องเข้าโรงเรียน inter ดีดีแถวๆ ซาฟารีเวิลด์ ก็จะได้หลงป่าได้อย่างหายห่วง

ปีนี้เราได้ทำ poster rgb72 7yrs ด้วย หลังจากที่ปีนี้มีเรื่องราวและความเปลี่ยนแปลงต่างๆมากมาย แต่โดยรวมแล้วถือว่าไปได้สวยมากๆ ซึ่งจะขอสรุปคร่าวๆไล่ไปตั้งแต่ต้นปีดังนี้
ในด้านผลงาน ต้นปี (เดือนพฤศจิกายน 2006) เว็บ majorcineplex ของเราก็ได้ขึ้นหนังสือ web design index เล่มที่ 7 เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน(หลังจากที่ปีที่แล้วเว็บ rgb72 ได้ขึ้นเอง)

กุมภาพันธ์ 2007 เว็บ Cesar ที่เกิดขึ้นมาด้วยความร่วมมือเป็นอย่างดีกับทั้งลูกค้า และ ทีมงาน ทำให้เราได้พัฒนาในส่วนของ commnunity ทำเกม blog และ vote และทำให้เว็บนี้เป็นเว็บที่มี hit rate พุ่งสูงที่สุด และสูงสุดในประวัติศาสตร์เว็บ cesar.co.th ด้วย

พฤษภาคม 2007 Launched เว็บ Seacon.co.th ของบริษัท Seacon Home รับสร้างบ้าน ซึ่งผลงานเป็นที่น่าพอใจ ลูกค้าขอให้ทำงานต่อให้กับบริษัทลูกอีกหนึ่ง project ซึ่งคาดว่าน่าจะ launch ได้ก่อนสิ้นปีนี้

กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ องค์กรรัฐบาลขนาดใหญ่ที่เราได้มีโอกาสไปร่วม join โดยเป็นงานเว็บ multimedia ซึ่ง launched ใกล้ๆกันกับเว็บของ seacon home ซึ่งงานนี้ทำให้เราได้พัฒนาการทำระบบฐานข้อมูลกับ Oracle+JSP ด้วย

มิถุนายน 2007 เว็บไซต์ mPAY lauched พร้อมกับ pageview ที่ขึ้นสูงมากๆ เป็นประวัติการณ์ ขึ้นซะจน log บน server มีขนาดใหญ่มากกว่า 5 GB

กลางปี 2007 งาน Poktoong.com launched พร้อม event ที่จัดขึ้น ณ ลาน Central World ซึ่งก็ได้รับคำชมมากมาย ทั้งนี้ก็เป็นเพราะ agency ที่ orgainze ได้สุดยอด และทีมงาน rgb72 และ นาย wissar ที่ทำงานกันอย่างบ้าเลือด และทำให้ได้รางวัล Gold จาก TDMA

ต่อจาก Poktoong ก็มีอีกงานที่ feedback ออกมาได้ดี โดยมีคุณ Nora rgb72 ทำงานเนียนๆ ภายใน 2 อาทิตย์ อย่างไรก็ตาม งานนี้เจ้าของงานบอกว่า ขออนุญาติไม่ใช้เปิดเผยข้อมูลใดๆครับ

กันยายน 2007 งาน Apple Pro Day เกิดขึ้นพร้อมกับเว็บไซต์ใหม่ของ rgb72 v.2008+blog72 ซึ่งในงานที่ผ่านมามีผู้เข้าฟังประมาณ 300-400 คนเห็นจะได้ งานจัดโดย Apple Thailand ณ โรงแรม Interncontinential (ไม่อยากบอกว่ามีคนฟังเราพูดแต่แอบใส่หูฟัง ipod ด้วย .. แล้วเค้าฟังกันยังงัยน้อ มิน่าล่ะเห็นฟังแล้วดูมีความสุข)

ในภาพรวม ปีนี้เรามีการเติบโตขึ้นจากปีที่แล้วมากกว่าเท่าตัว กราฟพุ่งกระฉูดไม่ว่าจะเป็นด้านจำนวนพนง. รายได้ กำไร และแน่นอนค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม เราก็ยังพร้อมจะลุยต่อไปในปีหน้า พร้อมกับ internal project ที่น่าตื่นเต้น (รึเปล่าไม่รู้) อีกประมาณ 3-4 ตัว และ project ลูกค้าในมือตอนนี้ที่พร้อมจะ launch ก่อนสิ้นปี คอยติดตามกันนะครับ

สำหรับปีนี้ เรามีการทำ poster (อย่างที่ได้บอกไปแล้ว) และเสื้อยืดที่จะแจกลูกค้าและทีมงาน rgb72 (ทั้งในและนอก) หากใครเข้ามาอ่านใน blog นี้แล้วอยากจะได้สามารถ request ได้นะครับ (ไม่ใช่อะไร กลัวไม่มีใครเอา :-)

สุดท้ายนี้ รบกวนเพื่อนๆ พี่ๆ ลูกค้าๆ คนสนิท มิตรสหาย ร่วมกันเขียน happy birthday ให้กับพวกเราด้วยครับ และท้ายสุดๆ เราก็ได้รวบรวมประวัติศาสตร์นามบัตร rgb72 มาให้ดูกันด้วยคับ ขอบคุณครับ




rgb72 staff

*** สำหรับใครที่เขียน comment ไม่ได้ กดตรงนี้เพื่อดู instruction ครับ ****
++ ขอขอบคุณพี่บิ๊ก N-Park ด้วยนะครับ สำหรับเบียร์ 2 ลังใหญ่ครับ ตอนนี้ production ทำงานกันไม่สุขแล้วครับ

วันอาทิตย์ที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

ว่ากันด้วยเรื่องของ Logo (ต่อ)

จากครั้งที่แล้วที่ได้บอกว่าจะมาคุยกันเรื่อง logo ต่อ โดยวันนี้ก็จะพูดถึง logo เทพ อย่าง Starbucks และ Nike (ที่ว่าเทพ ก็เพราะว่า 2 ชื่อนี้เป็นชื่อของเทพกรีก) และอีกเรื่องคือเรื่องของ logo identity และการจำเป็นต้องปรับ identity ของตัวเองให้เข้ากับสถานที่และบรรยากาศรอบข้าง ซึ่งถือว่าเป็นการอลุ่มอลวยที่หาได้ยากนัก โดยเฉพาะ brand ข้ามชาติอย่าง McDonalds และ KFC

เริ่มกันที่เรื่อง logo เทพ อย่าง Starbucks ก่อน Logo Starbucks เป็นการรวมกันระหว่าง mermaid และ เทพ siren ของกรีก ซึ่งมีใบหน้าและลำตัวเป็นผู้หญิงและมีหางเป็นปลา 2 หาง โดย logo ที่เราเห็นในปัจจุบันนั้น ได้มีการแก้ไขมาถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกเทพ Siren นั้นอยู่ในสภาพที่เปลือยอกด้านบน และมี 2 หาง ใน version 2 ก็ได้มีการเอาผมลงมาปกปิดหน้าอกทั้ง 2 ข้างนั้นซะ แต่ก็ยังคงเห็นสะดืออยู่ ส่วน version 3 หรือตัวปัจจุบันนั้น ไม่ว่าจะเป็นหน้าอก และสะดือ ถูกปกปิดหมด แถมยังได้เติมสีเขียวเข้าไปด้วย (จากที่ก่อนหน้าเป็นขาวดำ) อย่างไรก็ตาม ในงานครบรอบ 35 ปี ทาง Starbucks ก็ได้นำ logo version แรกกลับมาใช้เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองด้วย

บางคนอาจจะงงว่า แล้วชื่อ Starbucks มาเกี่ยวอะไรกับกาแฟ ..​ไม่เกี่ยวอะไรเลยครับ ชื่อ Starbuck เป็นชื่อของผู้ช่วยกัปตัน Ahab ในเรื่อง Moby-Dick ที่เจ้าของ Starbucks ชื่นชอบนั่นเอง ซึ่งก่อนหน้านั้นจริงๆแล้วมีอีกชื่อหนึ่งที่ชอบมากกว่านั่นคือชื่อ "Pequod" (อ่านว่า พี ควด นะผมว่า) แต่ทางหุ้นส่วนบอกว่า คงไม่มีใครคิดอยากจะกินกาแฟยี่ห้อ Pequod หรอก จึงได้ตกลงใช้คำว่า Starbucks จนมาถึงทุกวันนี้

เลื่อนมาถึงเรื่องของ Logo brand เทพ อีกหนึ่งที่น่าสนใจ .. เทพตนนี้ชื่อ Nike

Nike เป็นชื่อของเทพกรีก มีความหมายแปลว่า Victory หรือชัยชนะ ตัว logo นั้นมีชื่อว่า Swoosh ครับ ซึ่งโดยสัญลักษณ์ที่แท้จริงของ logo นี้คือตัว V ซึ่งหมายถึง victory นั่นเอง อย่างไรก็ตาม logo นี้ก็ยังสามารถมองได้เป็นต่างๆนานาอีกเช่น บางคนเห็นเป็นเหมือนปีกของเทพ (เมื่อ logo ติดอยู่ที่ด้านข้างของรองเท้า) หรือบางคนก็เห็นว่าเป็นเครื่องหมายถูก อย่างไรก็ตาม กำเนิดของ logo Nike มีอะไรที่น่าสนใจมากกว่าความหมาย ลองอ่านดูครับ

Logo Nike เกิดขึ้นจากการที่เจ้าของ Nike Phil Knight ต้องการ Logo สำหรับธุรกิจรองเท้าของตัวเองอย่างด่วน เลยวิ่งเข้าไปหานักเรียน designer คนหนึ่งที่ชื่อว่า Carolyn Davison ขณะกำลังทำงาน drawing ส่งอาจารย์ แล้วบอกว่า อยากได้ logo ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็น movement ซึ่งหลังจากที่ Carolyn ออกแบบมามากมาย แต่ละอันนั้นไม่โดนใจ Phil เลยซักกะนิด แต่เนื่องจากเวลานั้นไม่มีเหลือแล้ว ทาง Phil เลยบอกว่า OK เอาอันนี้ก็ได้ ซึ่งนั่นก็คือ Swoosh logo ปัจจุบันนั่นเอง พร้อมกับจ่ายเงินค่าจ้างเป็นจำนวนเงินเพียง 35 เหรียญ

ถึงแม้จำนวนเงินจะน้อยนิด แต่ว่าอีก 10กว่าปีต่อมา Phil ได้ส่งแหวนทองคำเป็นรูป logo Nike ไปให้กับ Carolyn พร้อมกับผลิตภัณฑ์ของ Nike ซึ่งเป็นจำนวนที่ถูกปิดเป็นความลับด้วย

จริงๆอยากจะต่อด้วย logo Apple แต่เหนื่อยและ ขอต่อด้วยเรื่องที่บอกไว้ตอนต้นดีกว่า เรื่องของ Logo identity

Logo ทุก logo จะถูกกำหนดไว้โดย designer ตั้งแต่แรก เป็นต้นว่า ต้องใช้สีอะไร code อะไร หากต้องพิมพ์เป็นขาวดำจะต้องเป็นอย่างไร Logo บาง Logo จะไม่สามารถอยู่บนพื้นสีอื่นๆได้เลย นอกจากสีขาว หรือสีที่กำหนดไว้ หากบาง logo สามารถอยู่ได้ ก็จะต้องมีการกำหนดขึ้นมาอีกกว่า หากพื้นด้านหลัง logo เป็นสีโทนมืด ตัว logo จะเป็นอย่างไร พื้นเป็นโทนสว่าง logo จะเป็นอย่างไร

เท่าที่รู้ก็จะมีอยู่ 2 brands ข้ามชาติในประเทศนี้นะครับ ที่มี identity ชัดเจนมากๆในการใช้งาน ซึ่งนั่นก็คือ McDonald's และ KFC อย่างที่เห็นๆ กันอยู่ว่า McDonald's นั้นจะมีอยู่ 2 สีหลักคือ เหลือง และแดง ส่วน KFC นั้นก็จะเป็น ขาว และแดง

อย่างไรก็ตาม มี McDonald's อยู่สาขาหนึ่งในประเทศไทยที่ถูกเปลี่ยนสี จากเหลือง แดง เป็น เหลือง น้ำตาล นั่นคือสาขา อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เหตุผลที่ต้องเปลี่ยนสีก็เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศโดยรอบนั่นเอง ซึ่งหากใช้สีเหลืองแดงเหมือนเดิม จะทำให้สีนั้นโดดออกมามากเกินไป ไม่เหมาะ

สำหรับ KFC นั้น ก็มีหนึ่งสาขาที่ทำการเปลี่ยนสีจาก แดง ขาว เป็น น้ำเงิน ขาว ทั้งนี้ก็ด้วยเหตุผลเดียวกัน ต้องการให้เข้ากับบรรยากาศโดยรอบ

หาดูกันได้ครับ ที่ KFC สาขาหัวลำโพง เป็นอีกหนึ่งที่ที่หาดูได้ยากกับการเปลี่ยน identity ของ brand ระดับโลกในเมืองไทยแบบนี้

วันศุกร์ที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐

ว่ากันด้วยเรื่องของ Logo

วันนี้นั่งอยู่ในรถ ก็คุยกันเรื่อง logo โดยเนื้อเรื่องนั้นเริ่มจากคำถามที่ว่า "Logo มี trend ด้วยหรอพี่?" โดยเหตุผลที่ถามก็เพราะว่า หลายครั้งที่เราเห็น logo ของบริษัทหลายบริษัทที่ออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน จะมีหน้าตาเหมือนกัน (ในที่นี้จะขอไม่ยกตัวอย่างชื่อบริษัท) เช่น บางบริษัททำ logo ใหม่เป็นรูปทรงกลม 3มิติเหมือนหยดน้ำ ซึ่งก็จะมีอีกหลายๆบริษัทที่ออกแบบ logo เป็นรูปหยดน้ำเหมือนกัน เหมือนเป็น trend ที่กำลังฮิต

ในความคิดส่วนตัว ผมคิดว่า logo ไม่สมควรที่จะต้องเป็นไปตาม trend ใดๆ สิ่งที่ logo สมควรจะเป็นที่สุดก็คือการเป็น logo ที่สามารถแสดงถึงตัวตนที่แท้จริงของบริษัทนั้นๆได้ หลายๆ logo บนโลกนี้ที่ผมชอบ ซึ่งก็ไม่ได้มี graphic ลวดลายอะไรที่ยุ่งยากมากมาย บางครั้งก็เป็น logo ที่มีแต่ตัวอักษร แต่ความเจ๋งของมันก็คือ concept และแนวคิดที่อยู่ด้านหลังของ logo เหล่านั้นต่างหาก

ผมเลยพูดถึง logo หลายๆตัวที่ติดอยู่ในหัวตลอดเวลาและพอจะรู้ความหมายหรือเรื่องราวของมันมาเล่าให้ฟังกันบ้าง

Logo แรกคือ Amazon.com

หลายคนคงเคยเข้า amazon.com .. logo ของ amazon.com เป็น logo ที่เรียบง่ายมากๆ ไม่ต้องเล่นสีสันหรือ graphic อะไรมากมาย เป็น text สะกดคำว่า Amazon.com กับลูกศรอยู่ทางด้านล่างของ logo ถ้าจะให้ลองดูดีดี ลูกศรนี้ลากจากตัวอักษร A ไปถึงตัวอักษร Z ในความหมายคือว่า Amazon.com มีทุกอย่าง ตั้งแต่ A-Z นั่นงัยครับ

ความเรียบง่าย ที่นำเสนอความเป็นตัวบริษัทได้อย่างชัดเจน ความเจ๋งที่อยู่ภายใน

Logo ที่ 2 เป็นหนึ่งใน logo ที่ผมชอบมากๆ.. FedEx

FedEx คือบริษัทรับสิ่งพัสดุ คู่แข่งสำคัญๆ ก็คือ DHL ปัจจุบันนี้หาคนไม่รู้จัก FedEx คงยากนะครับ อย่างไรก็ตาม Logo ของ FedEx ออกมาได้ประมาณ 10 ปีเห็นจะได้

แวบแรกที่ผมเห็น logo ของ FedEx เมื่อทำการ rebrand แล้ว ก็พบว่ามันเป็น logo ที่เรียบง่าย แต่สวยมากๆ (ชอบถึงขนาดเอามาทำเป็น project ส่งอาจารย์สมัยเรียน)

อย่างไรก็ตาม พอได้รู้ทีหลัง ก็พบว่า ที่ตัว logo ของ FedEx เองนั้นมีอะไรอย่างหนึ่งซ่อนอยู่

ลูกศร

เห็นมั้ยครับ เป็นลูกศรสีขาวที่เป็นช่องอยู่ระหว่าง E กับ x ทาง designer บอกว่า ลูกศรนี้แสดงให้เห็นถึงความรวดเร็ว และแม่นยำ แน่นอน.. อย่างนี้เรียกว่า สวยลึกๆ

Logo ต่อมาคือ Yamato

Yamato เป็นบริษัทขนส่งของญี่ปุ่น (ชื่อก็บอกอยู่) ส่วน Logo นี้เป็นรูปแม่แมวคาบลูกแมว ซึ่งเปรียบเทียบว่า แม่แมวที่คาบลูกแมวนั้นจะคาบด้วยความทนุถนอม นั่นหมายถึงความปราณีตและทนุถนอมในการขนส่งสินค้า ส่วนแมวนั้น สำหรับคนญี่ปุ่นหมายถึงความโชคดีครับ ความชอบโดยส่วนตัวนั้น นอกจาก concept แล้ว ผมยังคิดว่า ถ้าเราไม่ได้ตั้งใจคิดมากๆ เราก็อาจจะออกแบบ logo สำหรับบริษัทนี้มาเป็นรูปรถยนต์ขนส่งสินค้า หรือไม่ก็อาจจะเป็นรูปมือแล้วมีสินค้าอยู่บนมืออะไรอย่างนี้ แต่นี่ ใช้ "แมว" และเป็นแม่แมวคาบลูกแมว .. ลึกซึ้งลึกซึ้ง

Lucent Technologies

เป็นหนึ่งใน logo ที่มีการถูกกล่าวถึงเป็นอย่างมาก ในทั้งทางบวกและลบ Logo นี้ออกแบบโดยบริษัท Landor Associates ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกันกับที่ออกแบบ logo ของ FedEx ล่ะครับ ซึ่งตัว logo นี้ สิ่งที่สะดุดตา และทำให้จำได้แม่นมากๆ ก็คือตัว Logo ที่เป็นภาพวาดพู่กันออกมาเป็นรูปวงกลมสีแดง ซึ่งทาง designer เค้าเรียกว่า "Innovation Ring" แต่กับคนที่ไม่ชอบ ไม่ว่าจะเป็นคนทั่วไปซึ่งบอกว่า logo นี้หมิ่นศาสนาพุทธ หรือวัฒนธรรมเอเชีย หรือแม้กระทั่งพนง.ของ Lucent เองที่บอกว่า มอง logo แล้วเหมือนรูปโดนัทที่วาดโดยเด็กตัวเล็กๆ

สำหรับ logo ตัวนี้ concept เบื้องหลังลึกๆ คืออะไรผมไม่แน่ใจ แต่ที่เอามาให้ดูเพราะเป็นหนึ่งใน logo ที่เห็นครั้งเดียวแล้วจำได้แม่น ซึ่งนั่นก็คือหนึ่งในคุณสมบัติสำคัญของการเป็น logo นั่นคือความสามารถในการทำให้คนที่เห็น จดจำได้าง่าย รวดเร็ว และไม่ลืมชื่อบริษัท

ปิดท้ายด้วย logo ของ 7 eleven.. logo ที่มีคนพูดถึงกันเยอะมากอีก logo หนึ่ง

เหตุที่เป็น logo ที่มีคนพูดถึงมากที่สุด logo หนึ่งก็เพราะว่า ตัวอักษรสุดท้ายของคำว่า Eleven นั้น สะกดด้วย "n" ตัวเล็กเพียงตัวเดียว ในขณะที่ตัวอักษรอื่นๆก่อนหน้านี้ ELEVE นั้นสะกดด้วยตัวใหญ่หมดเลย

หลายคนอ้างว่า การทำ logo เป็นรูปตัว 'n' เล็ก ก็เพื่อทำให้เหมือนกับเป็นรูปแม่เหล็ก ที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นฮวยจุ้ย ช่วยดึงดูดเงิน และตัวลูกค้าเข้ามาในร้านได้ ซึ่งความเข้าใจตรงนี้ได้ถูกพิสูจน์ด้วยการที่มีคนเมล์ไปถามที่ 7 eleven สาขาใหญ่ถึงความเป็นมา แล้วก็พบสาเหตุว่า..

การที่ทำตัว 'n' เป็นตัวเล็กนั้น เกิดขึ้นเมื่อภรรยาของเจ้าของ 7 eleven ในสมัยก่อน เห็นว่าเมื่อทำตัว 'n' ให้เป็นตัวใหญ่เหมือนตัวอื่นๆแล้ว จะทำให้ความสามารถในการมองเห็นและอ่านชื่อนั้นเป็นไปได้ยากกว่า ดังนั้นจึงได้ขอปรับให้เป็น 'n' ตัวเล็กอย่างที่เราเห็นๆกันง่ายๆ แบบนั้นแหละครับ .. logo ต้องสามารถส่งข้อความถึงลูกค้าได้ด้วย

จริงๆ มีเรื่องราวของ logo อีกหลายอย่างที่อยากจะพูดถึง ไม่ว่าจะเป็นความหมายของ Starbucks หรือการเปลี่ยนสีของ logo ระดับโลกอย่าง McDonald's และ KFC เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศรอบข้างในตัวเมืองกรุงเทพมหานครนี้ เอาเป็นว่าไว้โอกาสต่อไปละกันนะครับ

วันเสาร์ที่ ๒๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐

POKTOONG: GOLD WINNER AT TDMA!

POKTOONG.com โดย rgb72.com ได้รับรางวัล Gold จาก TDMA! โดยงานนี้ทาง rgb72 ได้รับความไว้วางใจในการทำ web production: concept design, flash design and animation, flash actionscript, และ database programming จาก ARCWW และ กระทรวงสาธารณสุข

วันเสาร์ที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐

Apple Pro Day : Making a Web with a Mac

วันนี้ถือว่าเป็นวันที่สำคัญมากๆ วันหนึ่งในประวัติศาสตร์ rgb72 ..​พูดแล้วเดี๋ยวจะหาว่าเว่อร์ไป

ตื่นแต่เช้าทั้งๆ ที่เมื่อคืนนอนก็ดึกเพราะมัวแต่ซ้อม present แถมยังนอนไม่หลับอีกต่างหาก เช้านี้ฝนตก รถติดสุดๆ ถึงขนาดตั้งจอดรถและวิ่งขึ้น BTS ไป ถึงที่หน้างาน 45 นาทีก่อนงานเริ่ม

วันนี้ทาง rgb72ได้มีโอกาสขึ้นไปพูดบนเวทีงาน Apple Pro Day ครั้งที่ 2 โดยมีหัวข้องานว่า Apple Pro Day: Making a Web with a Mac โดยมีผม (เก่ง) และคุณอู ขึ้นไปพูด หลักๆ ก็จะเป็นเรื่องของ ภาพรวมตลาดสื่อออนไลน์ การทำ website อย่างง่ายๆ ด้วย iPhoto และ iWeb และก็ตามด้วยการเปิด case studies งานที่ผ่านๆ ที่เราได้ทำ เช่น mPay, Matching Entertainment และ Matching Studio

เหตุการณ์ในวันนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ถึงแม้ว่าจะมีติดๆขัดๆบ้างในช่วงแรกที่เจอรถติดมหันต์ (ขนาดเพื่อนที่จะมาดูบอกว่า ถึงงาน Apple ตอน 11.30 เลยว่ากลับดีกว่า) หรือว่าจะเป็นเรื่องการ switch หน้าจอ กับเครื่อง mac 2 เครื่องที่ไม่ smooth มากนัก แต่โดยรวมแล้วการ present งานออกมาดูดี และมีคนสนใจเยอะ คนที่เค้ามาดูงาน มีเดินออกบ้างแต่ไม่มาก มีหาวบ้าง อันนี้ชัวร์ แต่ว่ารวมๆแล้วคิดว่าคนดูน่าจะอยู่ประมาณ 300 คนเห็นจะได้ เสียดายที่วันนี้ฝนตก ไม่งั้นคนอาาจจะมามากกว่านี้ (แหะๆ จากที่ทีแรกคิดว่าจะมีคนมาดูแค่ 20 คนแล้วหลับ)

กลายเป็นว่างานนี้เวลาน้อยเกิน เพราะว่ากว่าจะเริ่มก็เกือบ 11โมง เพราะว่าฝนตกวันนี้ หลายอย่างเลยล่าช้า ทาง team Apple บอกว่า ให้เวลาเราถึง 11:45 ซึ่งนั่นก็คือแค่ 45 นาที (จากที่ทีแรกบอกให้เราเตรียมมา 1:30ชม) เราก็เลยเครียดว่า อ้าว งี้ก็พูดไม่หมดน่ะสิ ไปๆมาๆ เค้าเลยบอกว่า งั้นขอเลื่อนเวลาให้เป็น 12:00 ละกัน มีเวลาเต็มที่ 1 ชม.

Present งานผ่านไปจนถึงเที่ยงตรง พิธีกรสาวสวยเดินมาอยู่ข้างเวที เตรียมปิดงาน เราก็เอาล่ะหว่า ยังไม่จบเลย แถมคนที่ฟังเราก็ดูยังมีท่าทีอยากฟังอยู่เรื่อยๆ แต่ว่าทำงัยได้ เวลาหมดแล้ว

ผมเลยต้องพูดไปว่าเวลาหมด แล้วก็ต้องรีบตัดบทออกไป ก็เป็นอันว่าจบงาน

เลิกงานมีคนเข้ามาคุย ถามรายละเอียดกันพอสมควร สนุกดี น้องตูนนี่ก็คุยไม่ยั้ง ไหนจะคุณอูมัวแต่ตอบคำถามเพลิน computer ไม่คิดจะเก็บกัน มีคนมาถามด้วยว่า "จะไปพูดที่ไหนอีกรึเปล่า จะได้ตามไปฟัง" โห ..​ขนาดนั้นเลย มีหลายคนเสียดายที่ดูได้ไม่จบ..​โห เว่อร์จริงๆ ดีใจ เอาเหอะ ถ้าเราทำได้ดีจริงๆ ปีหน้าคงจะได้มาใหม่

เที่ยง ทาง Apple เลี้ยงข้าว (ทุกคน) กินกันอย่างเมามันส์ คุณบอล กะคุณนอนี่ ท่าทางจะวางช้อนยาก ส่วนน้องแอนไม่ได้กินเยอะเพราะมัวแต่ห่วงสวย :-)

กลับมาถึง office กันประมาณบ่าย 2 กว่าๆ งานนี้เกนคนไปทั้ง office (อย่างทีบอกทีแรกว่า กลัวจะมีคนเข้างาน 20 คน เลยกะว่ามีของเราไปอีกน่าจะพอเพิ่ม rating ได้บ้าง) รีบเอารูปมา load เข้า com ก็ได้ภาพออกมาประมาณนี้..

สุดท้่ายนี้ขอขอบคุณทีมงาน rgb72 ทุกคนที่มาร่วมในประวัติศาสตร์ ทำให้วันนี้ฉลุยมากๆ ตั้งแต่ Presentation, คนที่มานั่งฟังซ้อม presentation, showreel, website rgb72 v.2008, และคนช่วย jam ทำเว็บไซต์ rgb72

และที่ขาดไม่ได้เลยคือน้อง Photon นะคับ thank you








วันอาทิตย์ที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐

ย่อขยายภาพแบบใหม่ ไม่เอาอัตราส่วน เอาความสำคัญของภาพแทน

ที่ทาง SIGGRAPH2007 ที่ผ่านมา ล่าสุดได้มีการแสดงผลงานการทดลองของ 2 นักวิทยาศาสตร์ Shai Avidan และ Ariel Shamir ในประเด็นของการย่อรูปภาพให้มีขนาดเล็กลง โดยแทนที่จะย่อรูป ซึ่งใช้การ scale อัตราส่วนแบบเดิมๆ คราวนี้ เค้าวัดเอาจุดความสำคัญของรูปมาก่อน (Energy function) จากนั้น ทำการย่อโดยการพับเก็บส่วนที่สำคัญน้อยกว่า จากบนลงล่าง และจากซ้ายไปขวา ของจุดสำคัญดังกล่าว ทำให้ภาพถูกย่อหายไปนั้น ไม่ถูกบั่นทอนจุดที่สำคัญใดๆ ออกไป

อ่านแล้วงง ลองดู video จาก YouTube ด้านล่างนี่ดูนะครับ หรือจะเข้าไปที่เว็บไซต์ของ Ariel Shamir เลยก็ได้ที่ http://www.faculty.idc.ac.il/arik ครับ

วันอาทิตย์ที่ ๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐

อันดับ 9 Health Care by Cell Phone // 10 อย่างที่กำลังจะมาในอนาคต : What's Next : Future Vision



จะดีแค่ไหนหากมือถือที่มีกล้องติดมาด้วยจะช่วยให้ครอบครัวเรามีสุขภาพดีได้ บริษัทหนึ่งในแคนนาดาบอกว่า เรื่องนี้เป็นไปได้ ไม่มีปัญหา จริงๆแล้วบริการใหม่ตรงนี้ได้เริ่มขึ้นแล้วด้วยซ้ำ ชื่อว่า MyFoodPhone

การทำงานคือ ให้ user ถ่ายรูปอาหารที่ตัวเองกินในแต่ละมื้อและส่งมาให้ทางทีมวิเคราะห์สารอาหารเพื่อดูว่า ในวันหนึ่งๆ สิ่งที่เราได้รับไปนั้นเป็นประโยชน์ต่อร่างกายหรือไม่อย่างไร

Doctorphone และ Babyphone คือ 2 บริการที่เริ่มเปิดให้ใช้แล้ว ซึ่งทั้ง 2 บริการนี้ มีระบบที่สามารถให้คนไข้และหมอสามารถคุยกันได้ผ่านระบบ video conference โดยใช้มือถือ

Myca คือผู้เริ่มบุกเบิกตรงนี้ จะเก็บค่าบริการเพียง 10 เหรียญต่อเดือน โดยสิ่งที่ user จะได้รับก็คือ ทุกๆ 2 อาทิตย์ จะมี video ส่งมาทาง email แนะนำการกินอาหารโดยใช้พื้นฐานจากภาพถ่ายที่ user ได้ถ่ายไปให้ ซึ่งนับตั้งแต่วันที่เปิดตัวบริการเมื่อ พฤษภาคม 2006 ที่ผ่านมา จำนวนลูกค้าที่ใช้งานมีแล้วถึง 5,000 ราย อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 บริการที่ว่ามานี้ยังอยู่ในช่วงทดลอง และปรับปรุงอะไรต่างๆให้ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น ในอนาคตเราอาจจะสามารถส่งผลอุณหภูมิภายในร่างกาย, จังหวะการเต้นของหัวใจ (heart rate) ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้เราสามารถที่จะคุยกับ หมอ หรือพยาบาลที่เป็น freelance (ในโครงการนี้) เพื่อรับคำแนะนำต่างๆได้ ส่วนเรื่องข้อมูลทั้งหมดไม่ต้องห่วง ทุกอย่างที่เรา report ไปจะถูกเก็บลง database ทั้งหมด

Trend เรื่องการเก็บและส่งข้อมูลด้านสุขภาพนี้ท่าทางจะมาแรง เพราะว่าขณะนี้ Motorola กำลังสุ่มผลิตมือถือที่สามารถวัดค่าต่างๆในร่างกายของเราได้ด้วย ส่วน google เองนั้นก็มีระบบจัดเก็บข้อมูลด้านสุขภาพของเราไว้บน server google ด้วย ซึ่งตรงนี้ไม่แน่ใจว่า ต่อไป หมอ และโรงพยาบาลจะต้องใช้ google เป็น center ในการเก็บ และ ดึงข้อมูลของคนไข้รึเปล่า

อันดับ 10 Agriculture in the Sky // 10 อย่างที่กำลังจะมาในอนาคต : What's Next : Future Vision

(ข้อมูลทั้งหมดในหัวข้อนี้ได้นำมาจากหนังสือ Business 2.0 เดือนกันยายน 2007)



ในขณะที่ประชากรบนโลกกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการทำการเกษตรแบบเดิมๆ อาจจะไม่ได้ผล หรืออาจจะเรียกได้ว่าผลผลิตนั้นออกมาได้ช้าเกินกว่าความต้องการของมนุษย์

Dickson Despommier เป็นอาจารย์ด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมของมหาวิทยาลับโคลัมเบียสหรัฐอเมริกาได้คิดขึ้นมากว่า เราสามารถสร้างฟาร์ม และไร่ปลูกพืชผักบนตึกสูงระฟ้า เหมือนๆกันกับที่ปัจจุบันเราสร้างตึกสำหรับ office นั่นแหละ และการสร้างตึก 21 ชั้นสำหรับการทำไร่ จะทำให้เรามีพื้นที่กว่า 588 เอเคอร์ ซึ่งสามารถปลูกกะหล่ำปลีได้ประมาณ 12 ล้านหัวต่อปี

ด้วยจำนวนผู้บริโภคบนโลกที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 3 พันล้านคนภายในปี 2050 และจำนวนพื้นที่ในการทำเกษตรกรรมนั้นแทบจะถูกใช้ไปหมดแล้วนั้น ทำให้มองเห็นได้ว่า การทำตึกเพื่อการเกษตรนั้นน่าจะจำเป็นจริงๆ Despommier จึงได้ไปพูดที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียถึงความเป็นไปได้ในการใช้พลังแสงอาทิตย์ในการสร้างแสงไฟ 24 ชม. และยังสามารถใช้เทคโนโลยีของ NASA ในการจับเอาความชื้นของน้ำมาใช้ประโยชน์ได้
"เราต้องการความช่วยเหลือต่างๆ เพื่อความสำเร็จในการสร้างตึกเพื่อการเกษตรนี้ เหมือนๆกับช่วงแรกที่เราทำกับการไปดวงจันทร์" Despommier บอกต่อว่า "มันจะทำให้โลกนี้เลิกกังวลได้ว่า อาหารมื้อหน้าของเราจะมาจากไหน"

นอกจากนี้ ตึกเพื่อการเกษตรนี้ยังสามารถสร้างผลกำไรได้อีกด้วย จากการคำนวนโดยคร่าวๆ คาดการณ์ว่า เราจะต้องใช้เงินในการสร้างตึก 21 ชั้นประมาณ 84ล้านเหรียญ เงินค่าการปฏิบัติการและดำเนินงานประมาณ 5 ล้านเหรียญต่อปี ส่วนกำไรนั้น น่าจะได้ประมาณ 18ล้านเหรียญต่อปี ถึงแม้ว่าการปลูกพืชผักแบบนี้จะมีค่าใช้จ่ายสูง แต่ว่าค่าใช้จ่ายสูงที่สุดในการทำการเกษตรนั้น อยู่ที่ค่าขนส่ง ดังนั้นมันจะเป็นการลดค่าใช้จ่ายลงมากๆ เมื่อร้านจำหน่ายของเราอยู่ห่างออกไปแค่ไม่กี่แยกไฟแดง

ไอเดียนี้ได้รับความสนใจมากๆ จากหลายๆ บริษัทอาหารใหญ่ๆ ในอเมริการเช่น Coke, McDonald's, Kraft, และ Nestle หรือแม้กระทั่ง IBM. อย่างไรก็ตาม Kristin Reynolds, program representative ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียบอกว่า เธอเป็นห่วงอยู่เรื่องเดียวในการทำตึกเกษตรกรรมแห่งนี้ก็คือ "ตึกนี้อาจจะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และ ยิ่งใหญ่มากๆ ซึ่งเราจะต้องคอยดูแลและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาด้านการแย่งตลาดจากเกษตรกรรายย่อย"

วันจันทร์ที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพ (BMA Contemporary Art Museum)



ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วล่ะครับ ว่าหอศิลปฯแห่งนี้จะสามารถเกิดขึ้นได้จริงๆ ถึงแม้ว่าจะช้ากว่าที่หลายๆคนคาดหวังไว้หลายปี

หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพนี้ กำลังก่อสร้างกันอยู่ข้างๆ Siam Discovery นี่เอง โดยบริษัทที่ชื่อว่า Robert G. Boughey & Associates (RGB Architects) โดยในตัวอาคารถูกออกแบบมาให้เป็นทรงกระบอก (ดูจากแกนกลาง) ซึ่งสามารถเชื่อมต่อระหว่างอาคารได้ด้วยทางเดินวนๆ เป็นแนวเอียงขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้คนที่เข้ามาชมผลงาน สามารถชมได้ต่อเนื่องในแต่ละชั้น นอกจากนี้ตัวอาคารยังออกแบบมาให้สามารถรับแสงสว่างจากได้นอกได้ โดยที่แสงไม่แรงพอจะที่เข้ามาถึงขนาดทำลายผลงานศิลปะที่แสดงอยู่ข้างในได้

ตัวอาคารที่สูง 9 ชั้น (บวกอีก 2 ชั้นใต้ดิน) นี้ ยังทำหน้าที่เป็น shop บางส่วน รวมไปถึงร้านอาคาร และ โรงภาพยนตร์ด้วย ต้องเรียกได้ว่า ไหนๆ ทำซะตรงกลางเมืองขนาดนี้แล้ว ทำทั้งที ต้องยิ่งใหญ่

นานๆ ทีเมืองไทยจะมีอะไรใหญ่โตเพื่อศิลปะขนาดนี้ งานนี้ต้องปรบมือให้ผู้ว่ากรุงเทพ และศิลปินอีกหลายๆท่านที่พยายามผลักดันอาคารนี้มานานหลายปี โดยงานนี้ทางกรุงเทพก็ทุ่มเงินไปไม่ต่ำกว่า 60,000ล้านบาท

ผมเองก็เคยได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานกับศิลปินกลุ่มผลักดันหอศิลปฯ ตรงนี้นิดหน่อยเมื่อประมาณ 3-4 ปีก่อน จึงค่อนข้างตกใจเมื่อรู้ว่า ฝันที่พวกเค้าพยายามทำกันมาหลายปีกับพื้นที่ตรงนี้ เป็นจริงขึ้นมาได้

ถึงแม้ว่า ณ เวลาตอนนั้นผมจะไม่เชื่อเลยก็ตามว่าสิ่งแบบนี้จะสามารถเกิดขึ้นได้ในเมืองไทย

ยินดีด้วยครับ

วันอาทิตย์ที่ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

Flash support H.264 + Flash Player 9 beta 2

Adobe ออกมาแถลงการณ์ว่า Flash Player รุ่นถัดไปโค้ดเนม "Moviestar" จะสนับสนุน codec แบบ H.264

เดิมทีนั้น Adobe ใช้ codec VP6 ของบริษัท On2 มาตั้งแต่ Flash 8 และสืบเนื่องมาจนถึง Flash 9 แต่ก็อย่างที่เรารู้กันดีว่าวิดีโอของ FLV คุณภาพไม่ค่อยจะดีนัก ยิ่งไมโครซอฟท์ออก Silverlight ที่จุดขายเป็นวิดีโอแบบ VC-1 ยิ่งเห็นข้อแตกต่าง

Flash ตัวใหม่จะสนับสนุน H.264 ซึ่งใช้ใน Blu-ray และ HD DVD โดยความสามารถนี้ถูกใส่มาใน Flash CS3 แล้ว เพียงแต่ยังไม่มีตัว Player ที่เล่น H.264 ได้เท่านั้น เมื่อตัว Player ออกมาก็ใช้ CS3 สร้างได้ทันที

เทคโนโลยีด้านวิดีโออีกตัวที่จะเพิ่มเข้ามาคือ codec แบบ VP7 ซึ่งทาง On2 อ้างว่ามีคุณภาพดีกว่า H.264 เสียอีก ข้อดีอีกข้อคือ Flash Player ตัวปัจจุบันเล่นได้แล้ว เพียงแต่ยังไม่สามารถสร้างได้จาก Flash CS3 (ต้องรอ CS4 หรือไม่ก็รุ่นอัพเดต) ทางออกในตอนนี้ต้องใช้วิธีสร้างจากโปรแกรมอื่นแล้วเซฟเป็น FLV ครับ

ผมดูจากในเว็บของ Adobe Labs พบว่า Flash Player ตัวใหม่นี้จะยังนับเป็นเวอร์ชัน 9 อยู่ โดยเรียกว่าเป็น Flash Player 9 Update

ที่มา - Streamingmedia.com, Adobe Press

---------------------------------------------------
ข้อมูลข้างต้นมาจาก blognone นะครับ สำหรับตอนนี้ Flash Player 9 Update 3 beta 2 ออกมาให้ได้ download ใช้กันแล้วนะครับ ทั้ง 3 platform คือ windows, mac, linux ซึ่งแน่นอนครับ support H.264

Another Dropdown menu

Drop down menu อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร แต่พักหลังๆ ก็ได้เห็นหลากหลายวิธีในการจัดการกับ drop down menu ที่มี menu มากๆ ซึ่งหลายครั้ง มากจนยากที่จะใช้งาน

CNN.com เป็นตัวอย่างที่เคยพูดถึงไปแล้ว ว่าได้มีการนำ DHTML มาใช้ในการทำ interface ให้มีหน้าตาเป็น drop down แต่พอกดแล้วก็ออกมาเป็น List menu เพื่อความง่ายกว่าในการใช้งาน

วันนี้ได้ไปเห็นเว็บไซต์ของ hp.com ซึ่งมีส่วนของการทำ dropdown ให้ user เข้ามาเลือกภาษาและประเทศที่ตัวเองตัองการ และจากการดูจาก list แล้ว คาดว่าน่าจะมีรายชื่อภาษาและประเทศรวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า 100 เป็นแน่ๆ

วิธีจัดการของเค้าก็คือการทำตัวขั้นเป็นระยะๆ โดยกั้นด้วยตัวอักษร ดังภาพ ซึ่งตรงส่วนของตัวอักษรนี่ เป็นส่วนที่ user จะ click หรือแม้จะ rollover ก็ยังไม่ได้ เรียกได้ว่า ถึงแม้ list จะยาวเหมือนเดิม แต่การค้นหา menu ที่ user ต้องการนั้น สามารถทำได้ง่ายดายยิ่งขึ้น



วันพุธที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

Singapore's floating towers


ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีตึกหน้าตาแบบนี้เกิดขึ้นได้..

อีกหนึ่งผลงานล่าสุดจาก OMA ทีมสร้างตึก CCTV ของจีน สำหรับตึกนี้ชื่อ Scotts Tower ตั้งอยู่ใจกลางเมือง Singapore ตรงถนน Orchard Road ตึกนี้เป็นโรงแรม มีขนาด 68 ห้องพัก สูง 36 ชั้น ที่ว่าน่าทึงก็เพราะว่า โดยรูปร่างของตึกนี้ มีหน้าตาเหมือนกับว่ามีตึก 4 ตึกมาแปะอยู่ทางข้างของแกนเสาใหญ่แกนเดียว ดูเผินๆ ก็ไม่น่าจะแข็งแรงเท่าไร่ เพราะว่าไม่มีเสาค้ำด้านล่าง ถ้าคนที่ไปนอนอยู่ที่ตึกนี้คงรู้สึกเหมือนตัวเองลอยอยู่แน่ๆ ตึกนี้กำลังจะสร้างและคาดว่าน่าจะเป็นที่อลังการและเด่นแน่ๆ ใน Singapore

ออกแบบโดย OMA (www.oma.nl)
ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.worldarchitecturenews.com/index.php?upload_id=946&fuseaction=wanappln.projectview

วันศุกร์ที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

CNN 2.0

ผ่านไปหลายปีกับเว็บไซต์ของ CNN ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง วันนี้ เว็บไซต์ใหม่ของ CNN.com ก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 50 ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ ได้มีการทำ public beta ให้คนทั่วๆไปรวมไปถึงนักข่าวได้เข้ามาร่วมทดลองใช้กันประมาณ 1 เดือน ซึ่งก็ได้มีเว็บไซต์หลายๆเว็บออกมา review กันเยอะคับ งานนี้ทาง rgb72 เลยอยากจะลอง review ดูบ้างด้วยคน


CNN New Site

Old Site

งาน design ที่เปลี่ยนจาก version ก่อนหน้านี้ไปมาก จากเดิมที่มีรูปแบบออกจะเน้นเรื่องการให้แสงเงาและมิติค่อนข้างมาก มีการแสดงความตื้นลึกหนาบาง การเล่นสีที่แรงและหนัก (ซึ่งจริงๆสีของ CNN ก็มีอยู่แค่ แดง น้ำเงิน ดำ) แต่ใน version ใหม่นี้ design ออกแนว minimal คือเน้น graphic น้อยๆ รูปภาพ น้อยๆ เน้น content ที่อ่านง่าย เข้าถึงง่าย load เร็ว ซึ่งตรงนี้ผมเองก็ไม่แน่ใจว่า มันเป็น flight บังคับสำหรับการทำ web2.0 หรือ เว็บ Ajex รึเปล่า เพราะว่าเห็นใครๆก็ตามที่ upgrade ไปเป็น 2 อย่างนี้แล้ว design ก็จะลดลงไป กลายเป็นแบบ minimal อย่างที่เห็นเน๊ยะแหละ

อย่างที่พูดไปข้างต้นว่า เว็บ CNN ตัวนี้ได้มีการ upgrade อย่างเห็นได้ชัด คือเรื่องของการเป็น web2.0 ในความหมายก็คือ การทำตัวเองให้เป็นเว็บที่สามารถ interact กับ user ได้ และการอนุญาติให้ user สามารถเข้ามา create content ได้เอง ซึ่งใน version นี้ได้เพิ่ม feature BLOG หรือแม้กระทั่ง feature ใหม่ที่เรียกว่า "iReport" ที่อนุญาติให้ user สามารถเข้ามาเขียน article รายงานข่าวหรือสาระที่น่าสนใจได้ กลายเป็น CNN Reporter เลยซะงั้น


iReport

มีการนำเทคโนโลยี Ajax มาใช้เป็นหัวใจหลักในเว็บนี้ด้วยเช่นกัน Ajax คือความสามารถในการ update content, ดึง content จาก database, ทำการ refresh ข้อมูลโดยไม่ต้อง load หน้าใหม่ ทั้งนี้ก็เพื่อความรวดเร็วในการเข้าถึงข้อมูลที่สะดวกขึ้น สิ่งที่ดีมากๆ ที่เห็นได้ชัดจากการใช้ Ajax ในเว็บ CNN นี้ก็คือเมื่อเรากดเพื่ออ่านรายละเอียด content แล้ว ทางด้านบนของ content ก็จะมี tab สำหรับให้เราเปลี่ยนไปดูรูปภาพจากข่าวนั้นๆ หรือแม้กระทั่ง video


Video

พูดถึง video เว็บ CNN ตัวนี้มีการให้บริการ video มากขึ้น และทาง CNN เองก็ได้ทำการยกเลิก project PIPELINE (การให้บริการ video โดยให้ user จ่ายเงิน) ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่าการให้บริการโดยเก็บค่าใช้จ่ายนั้น ยังไม่ work ตรงนี้ทาง David Payne; CNN senior VP and general manager ได้ให้สัมภาษณ์กับ mediaweek ว่า "CNN learned a tough lesson." "It's hard to get people to pay for anything online,", "We decided, let's not swim upstream."

อีก feature หนึ่งที่น่าสนใจมากๆคือ การ recommend ข่าวที่น่าสนใจให้กับ user โดยจะมีการดึงเอาข้อมูล Most View (คือข่าวที่มีผู้คนเข้ามาอ่านมากสุด, Most e-mail (ข่าวที่มีคนส่งอีเมล์ต่อให้กันสูงสุด), และ Top Search (ข่าวที่มีคน search หาข้อมูลมากที่สุด) นอกจากนี้ยังมีกลุ่ม "We Recommend" ด้วย และการนำมาซึ่งข้อมูลในส่วนนี้น่าสนใจมากๆ CNN ได้ใช้ technology เดียวกันกับ Amazon.com คือการเข้าไป spy ในเครื่องของ user ว่าในอดีตได้มีการเข้ามาอ่านข่าว หรือหาข้อมูลอะไรบ้าง จากนั้นก็เอาข้อมูลที่ได้มา match กับข่าวที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้ข่าวที่อยู่ในหมวดของ We Recommend นี้มีผลใกล้เคียงกับความต้องการของ user มากที่สุด

นอกจาก feature ต่างๆที่ว่ามาแล้ว มีอีกสิ่งที่หนึ่งอยากจะ point ออกมาให้เห็นถึงความฉลาดและความสามารถในการปรับปรุงระบบการใช้งานที่ user คุ้นเคยในปัจจุบัน ให้เข้ากับสถานะการณ์และข้อมูลที่เรามีอยู่ได้อย่างลงตัวมากๆ ซึ่งนั่นก็คือ drop down menu

Drop down menu ในเว็บไซต์ CNN นี้ไม่เหมือนที่อื่นๆ (ผมไม่แน่ใจว่าเว็บอื่นๆ อาจจะมีก่อนหน้าหรือเปล่า อันนี้ไม่ชัวร์นะครับ แต่ใครรู้แจ้งผมด้วยละกัน) เหตุที่ drop down menu ของที่นี่ไม่เหมือนก็คือ เมื่อกดที่ตัว drop down แล้ว ก็จะมี list menu เกิดขึ้นเพื่อให้เลือก แต่ list นี้จะออกมาเป็นเหมือน popup ลอยขึ้นมา และมี scroll bar ด้วย ซึ่งนั่นทำให้การใช้งานของ drop down สะดวกยิ่งขึ้น (คือถ้าเป็น drop down ปกติ เวลามี content มากๆ แล้ว พอเรากด drop down มันก็จะมี list ขึ้นมาเป็นแถวยาวๆ ซึ่งถ้าเราเลื่อน mouse เราออกจากแถวก็จะทำให้ตัว drop down หายไป หรือถ้า list มันยาวเกินหน้าจอเรา ก็จะทำให้การที่เราจะดู list ให้ครบนั้นเป็นเรื่องยากมากๆ) การที่มี scroll bar อย่างนี้ ทำให้ให้ไม่ต้องกังวลเรื่อง mouse หลุดออกจาก list เพราะว่า list นี้จะหายก็ต่อเมื่อเราไป click ที่ไหนก็ได้ที่ตัวเว็บ นอกจากนี้ หากดูใกล้ๆ ก็จะเห็นว่า drop down ตัวนี้ก็ยังไม่พ้นเรืื่อง design คือมีการทำขอบมนและทำ transparancy ด้วย

Drop down menu

ส่วนอื่นๆ เพิ่มเติมที่น่าจะพูดถึงก็คือ section CNN Anywhere คือบริการข่าว CNN ทางอื่นที่ไม่ใช่เว็บ ซึ่งในนี้ก็จะมี Mobile, E-mail Alert, Desktop Alert, RSS, PDA, และ Podcast (การให้บริการ podcast ถือว่าเป็นการแสดงให้เห็นถึงความต้องการเป็นแถวหน้าในการ deliver content ที่เป็น video สุดๆ ของ CNN และเป็นการแสดงให้เห็นถึงความบูมของ ipod ด้วย)

จริงๆแล้ว โดยส่วนตัวผมยังเล่นเว็บนี้ไม่ทัวเลย แต่เท่าที่เล่นโดยคร่าวๆ และอ่านจาก review หลายๆ ที่ ก็พอจะสรุปออกมาให้ได้อ่านกันประมาณนี้นะครับ ใครมี comment เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอย่างไร เขียนมากันได้เลยครับ

วันจันทร์ที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

Poktoong launched effect





หลังจากที่ได้มีการเปิดตัวเว็บไซต์ poktoong.com และกิจกรรมรณรงค์การพกถุงยางไปแล้วที่ Central World เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทีม rgb72 ของเราก็ไปร่วมฮาด้วย (แต่ว่าบางท่านมาช้าไปหน่อย เลยต้องมาช่วยเค้าเก็บเวที) งานนี้ได้รับถุงยางมาเพียบ ได้มาถุงหญ่ายๆ และของ premium อีกพอสมควร

กลับมาถึงบ้านเมื่อวันหยุดยาวๆ ที่ผ่านมา ทั้งทีมงานและลูกค้าต่างบอกกันว่า ได้เห็นโฆษณา Poktoong ทาง T.V. แล้ว เราเองก็เข้าไปดูตามเว็บต่างๆ มีการ promote กันอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงเว็บทั่วๆไปอย่าง adintrend โฆษณา TV ขำขำ ก็ได้เข้าไปติดอยู่ในนี้ด้วย ถึงแม้จะไม่ได้เกี่ยวกับเว็บ แต่ก็รู้สึกดีที่งานที่เราทำมีการ promote อยู่ตลอดเวลาและเป็นที่ติดตาม ล่าสุดเว็บ bangkok2.com/blog ก็ได้เอาเว็บ poktoong ไป post ไว้ตรงกลางเห็นเด่นเป็นสง่าพร้อมกับคำวิจารณ์+แนะนำเล็กๆน้อยๆ จาก POR ก็ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย

ข้อความจาก bkk2
ถึงเวลาที่ต้องพกถุงกันแล้ว Flash Site สวยๆ ที่ออกมาประชาสัมพันธ์โครงการ "ยืดอกพกถุง" ตัว site ออกแบบมาได้อารมณ์สนุก ๆ เหมือนเราเข้าไปอยู่ในเมือง ๆ หนึ่ง กับมุขแอบขำอย่างร้าน 8/twelve หรือว่าการใช้ก๊อปปี้ฮา ๆ อย่าง "ภาพกิจกรรมที่ไปซิ่งมา" ,"เกมสยิวกิ้ว" และอื่น ๆ เรียกได้ว่าคงถูกใจวัยโจ๋อย่างแน่นอน ตัว design เองยังให้ความรู้สึกไทย ๆ ได้อย่างดี เหมือนเราแว้บไปที่ต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ ส่วนทางด้านเทคนิคนั้นเป็น Flash site ที่กล้าใช้ low quality เพื่อช่วยเพิ่มความเร็วในการเข้าชมได้อย่างไม่อายใคร ระบบเก็บ stat ระหว่าง click navigation แต่ละ section เรียกได้ว่าครบเครื่องเลยทีเดียว งานนี้น่าจะสร้างภาพที่ดีให้กับการพกถุง ว่าไม่ใช่เรื่องน่าอาย และเป็นสิ่งที่ควรทำ

Credits : Agency : Arc World Wide , Production : RGB72

por at 10:03 PM


งานดี ทำเหนื่อยแต่ก็สุขจายย อยากให้มีงานอย่างนี้ต่อไปอีกเรื่อยๆ

วันพุธที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

Poktoong, latested flash work released




งานล่าสุดจาก rgb72 POKTOONG.COM งาน flash animation 90% โดยประมาณ Project นี้ใช้เวลาทำประมาณ 2 เดือน .. หมายกำหนดการ launch วันที่ 25 ก.ค. 2550

วันศุกร์ที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

mPAY Launched



ในที่สุดก็ Launched ซะที.. (5 ก.ค. 2550) งานนี้เป็นฝีมือ rgb72 ล้วนๆ html เนียนๆ จาก คุณอู และน้องแอน programming คุณบี และ design โดยเก่ง ตามระเบียบ

วันอังคารที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐

Safari on Windows


เปิดตัวไปได้อย่างน่าตกใจ (สำหรับชาว mac แต่คนใช้ pc ไม่รู้จะตื่นเต้นรึเปล่า) กับ browser ที่มาพร้อมกับ OS อย่าง Safari คราวนี้มี version 3 beta มาให้สำหรับ windows ด้วย ลองเข้าไปดูนะครับ หรือจะลอง download มาเล่นดู ก็น่าจะดี เค้า claim ว่ามี feature ใหม่ๆ หลายอย่าง พร้อมทั้งยังบอกว่าสามารถ load page ได้เร็วกว่า ie7 ถึง 2 เท่า และ firefox ถึง 1.6 เท่า

จะลองก็เข้าไป load ได้ที่ http://www.apple.com/safari/

Apple.com redesign




เรียกได้ว่ารีบเอามาให้ดูกันแบบสดๆเลย website design ใหม่นี้ launch หลังจาก keynote การเปิดตัว Leopard (อีกรอบ) ในงาน WDDC2007
เข้าได้จาก http://www.apple.com

วันอาทิตย์ที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐

Screen Resolutions

ดูมาอยู่นาน พยายามหาอยู่ว่า ณ ขณะนี้ ขนาดของจอ resolution นั้น ชาวบ้านเค้าพากันไปถึงไหนแล้ว เราจะได้ develop งานกันถูก เอาเป็นว่า วันนี้ได้มาคร่าวๆก่อน เป็น stat ล่าสุดปี 2007 โดยการนำเอา stat จาก 80,000 visitor ลองดูนะครับ

51.80% : 1024×768
12.04% : 1280×1024
10.88% : 800×600
8.83% : 1280×800
3.58% : 1152×864

จะเห็นได้ว่า 800x600 นั้นค่อนข้างจะล้มหายตายจากไปเยอะแล้ว ที่มีเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วก็คือ 1024x768 ซึ่งก็อาจจะเป็นผลมาจากการที่เดี๋ยวนี้คนใช้ laptop กันมากขึ้น สำหรับอีก size หนึ่งคือ 1280 นั้น ก็มีตัวเลขเพิ่มขึ้นมาเยอะเช่นกัน คือดูจากเว็บอื่นๆ ก็เห็นว่า trend มาอะไรประมาณนี้เหมือนกัน

วันเสาร์ที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐

Shrek the third



เปิดตัวกันไปเรียบร้อยสำหรับ Shrek The Third ผมยังไม่ได้ไปดูแต่ว่ากันว่าภาพสวยมาก ทาง DreamWorks ก็ได้ออกมาเปิดเผยเบื้องหลังความสำเร็จในครั้งนี้ด้วย ยังไงก็คงหนีไม่พ้นเครื่องมหาศาล เพราะหนังเรื่องนี้ทั้งเรื่องใช้เวลาลงแสงเงาประมาณ 30 ล้านชั่วโมง หรือมากกว่า 3000 ปีนั่นเอง (Shrek ใช้ 5 ล้านชั่วโมง และ Shrek 2 ใช้ 20 ล้านชั่วโมง) ลองมาดูทีละอย่างดีกว่า

Render Engine ใช้ Maya
Render Plugin ของเก่าเขียนเองด้วย C และ Perl ถ้าเขียนใหม่จะใช้ C++ กับ Python
ระบบปฏิบัติการเป็น RedHat Enterprise Linux 4
Render Farm เป็น HP DL145 G2 ข้างในใช้ซีพียู AMD Opteron 275 ไม่ก็ 285 สองตัว รวมแล้วเครื่องนี้มี 4 คอร์ แรมเครื่องละ 8 GB รวมทั้งหมดมากกว่า 3000 เครื่อง (เค้าบอกว่า 3000+)
กระจายแบบหนึ่งเฟรมหนึ่งโหนด (คิดว่าหนึ่งคอร์นะ)
ระบบกระจายงานที่ใช้คือ LSF ซึ่งในงานนี้ได้ใส่ Grid เข้าไปด้วย
เนื่องจากงานแบบนี้เป็นแบบ High Throughput ความสามารถในการขยายตัวค่อนข้างดี เราสามารถสมมติว่าไม่มีโอเวอร์เฮดของสื่อสารภายใน นั่นแปลว่าระบบนี้มีอย่างน้อย 12000 คอร์ซึ่งก็น่าจะลดเวลาจาก 30 ล้านชั่วโมงเหลือ 2500 ชั่วโมง หรือ 104 วันโดยประมาณ

คนทำบอกว่าเวลาดูเรื่องนี้ให้ดูที่ "ขน" กับ "ไฟ" ผมยังไม่ได้ดูใครดูแล้วช่วยมาบอกความงามหน่อย

ที่มา - Linux Journal

Netscape Navigator 9 beta 1

Netscape Navigator 9 คือการเอา Firefox มาแปลงร่าง เพิ่มฟีเจอร์ที่ใช้กับ Netscape.com เข้ามาซะเยอะ ที่น่าสนใจมีดังนี้

ตรวจ URL อัตโนมัติ เช่น แก้ googlecom เป็น google.com ให้
Link Pad - sidebar สำหรับเก็บลิงก์ที่ยังไม่มีเวลาอ่าน
Sidebar Mini Browser - ท่องเว็บแบบสองจอคู่ อีกหน้าไปโผล่ใน sidebar
รายการฟีเจอร์ฉบับเต็มอ่านได้ ที่นี่ ใครลองเล่นแล้วก็มาเล่าให้ฟังหน่อยว่าเป็นไงบ้าง

ที่มา - Linux.com

Core Animation สิ่งใหม่ๆ จาก Apple

หลายคนเฝ้าติดตามกันอยู่ว่า วันจันทร์นี้เวลาค่ำๆ (ประเทศไทย) ที่งาน WDDC ซึ่งจัดโดย Apple นั้น Steve Jobs จะออกมาพูดอะไรบ้าง สิ่งที่แน่นอนที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ การเปิดตัว iPhone และการเปิดตัว OSX ตัวใหม่ code name ว่า Leopard

Leopard คาดการณ์ว่าจะเข้ามาเปลี่ยนแปลง interface ของ computer ในโลกปัจจุบันให้เป็นสิ่งที่ล้าสมัยและน่าเบื่อกันไปข้างหนึ่งเลย เพราะด้วย feature CORE ANIMATION ที่จะช่วยเสริมความสามารถด้าน animation ให้กับ OSX ตัวใหม่นี้จะทำให้ developer นั้นสามารถเล่นอะไรได้เยอะขึ้นกับ interface บน desktop

ดังตัวอย่างที่จะให้ดูด้านล่างนี้

ด้านล่างนี้คือตัวอย่างของ program ใหม่ที่ชื่อว่า Disco ซึ่งเป็น program สำหรับ burn CD จุดเด่นก็คือขณะที่ program นี้ทำการ burn CD ด้านบนของกรอบ window ก็จะมีควันลอยออกมา ซึ่งหากเราเป่าลมเข้าไปทาง microphone ที่ติดอยู่กับเครื่อง ก็จะทำให้ควันนั้นเหมือนกับว่าถูกลมปากเราพัดออกไปยังงัยอย่างนั้น



ทั้งหมดนี้ก็ต้อง Core Animation ที่ว่าน่ะแหละ ที่จะช่วยเสริมเรื่อง graphic ให้กับ interface ของ mac OSX Leopard

วันอังคารที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐

MultiTouch มาอีกแล้วว


แต่คราวนี้มาพร้อมกับ invention ใหม่จาก Microsoft.. Coffee Table

ไม่พูดมาก ลองดูเอาเองละกัน วิธีการโหลดรูปเข้ากล้อง ออกจากกล้อง เท่ซะไม่มี หรืออีก clip หนึ่งเป็นการ show การเล่นหมากรุกข้ามประเทศ แต่ดูแล้วเหวอๆยังงัยไม่รู้

การพบกันของ 2 ผู้ยิ่งใหญ่



เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการให้สัมภาษณ์ 2 ผู้ยิ่งใหญ่ต้องเรียกว่าของทศวรรษนี้เลยก็ได้ เพราะว่าเค้าทั้ง 2 คือ Steve Jobs และ Bill Gates ซึ่งทั้ง 2 คนนี้นานทีจะมาเจอกันจังๆอย่างนี้ซักที

ลองเข้าไปดูได้ที่ http://d5.allthingsd.com/20070531/video-steve-jobs-and-bill-gates-highlight-reel นะครับ

สำหรับใครที่ฟังไม่ค่อยออก (ซึ่งผมเองก็ฟังยังไม่รู้เรื่องเท่าไร่ เพราะขำกันซะเยอะ) ก็สามารถเข้าไปอ่าน script ได้นะครับในนั้นจะมีตัวเลือกให้อ่าน

Brightcove new way to deliver video


วันสองวันนี้ได้รู้จักกับ Brightcove (brightcove.com)

ที่ได้รู้จักก็เพราะว่าได้เข้าไปดู video demo การนำ multitouch มาใช้บนโต๊ะโดย Microsoft และ video การให้สัมภาษณ์ของ 2 ผู้ยิ่งใหญ่ Steve Jobs และ Bill Gates ที่ All things Digital ซึ่งทั้ง 2 ที่นี้ใช้การแสดง video streaming จาก Brightcove

ที่ติดใจอย่างแรกคือ interface หน้าตาที่สวยจริงๆ ดูแล้วน่าใช้มากๆ เป็นการนำความสามารถของ flash มาใช้ได้อย่างดี

แต่ข้อเสียที่สัมผัสได้คือ มีความรู้สึกว่า Brightcove นี่จะ require bandwidth ที่สูงใช้ได้เลยทีเดียว (ซึ่งตรงนี้อาจจะไม่มีปัญหาสำหรับ user ในอเมริกา)

Brightcove เป็นบริษัทที่ทำ video delivery คล้ายๆกับ youtube น่ะแหละแต่ว่าเจ๋งกว่า หลักๆคือเราสามารถ upload video ของเราขึ้นไปได้ และทำ link ให้สามารถแสดง video เหล่านั้นบนเว็บของเรา และก็แน่นอนสามารถ search และดูได้จากเว็บของ brightcove เอง

แต่ brightcove มีมากกว่านั้น

Brightcove มี features ที่น่าสนใจมากๆ นั่นคือการส่งเสริมทางด้านการขาย media และ advertising จาก video ของเรานี่แหละ เช่น หากเรามี video ที่เราทำ ไม่ว่าจะเป็น music video หรือ content ที่น่าสนใจต่างๆ เราก็สามารถเก็บเงินจากตรงนี้ได้ หรือเราสามารถที่จะทำการขายโฆษณาสำหรับ content เราได้ (พวกโฆษณาที่ขึ้นก่อนหน้าที่เราจะได้ดู video จริงน่ะแหละ) โดยการขายโฆษณาตรงนี้ ทาง brightcove ให้ option เรา 2 อย่าง คือ ทั้งแบบเราหา sponsor เอง หรือทาง brightcove เป็นคนจัดการให้ (แล้วรายได้ก็หารกันครึ่งๆ)

นอกจากนี้ เรายังสามารถสร้าง Internet TV เป็น ช่องของเราเองได้ง่ายๆ แน่นอนในความหมายของคำว่า Internet TV ก็คือ ช่องที่มีรายการ TV เยอะๆ มีอะไรให้ดูตลอดเวลา ไม่ใช่แค่ clip ดังนั้น ด้วยระบบจัดทำขึ้นมาขอ brightcove สามารถทำให้เรานั้นเข้าไป manage content ที่มีอยู่ได้ เรียบลำดับการขึ้นของ content ก่อนหลังได้ ตั้งเวลาได้ และแน่นอนเรื่องเดิม คือมีการจัดการด้านการโฆษณาได้

Brightcove เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เห็นว่าธุรกิจ online ตอนนี้ชักจะรุ่งใหญ่แล้ว จากที่ได้อ่านในนาสพ.ไม่นานมานี้ว่า เม็ดเงินจากการโฆษณาปกติ ไม่ว่าจะเป็น สื่อสิ่งพิมพ์หรือสื่อโทรทัศน์นั้นชักจะหายลงไปเรื่อยๆ แต่กลับเทมาให้กับสื่อออนไลน์ได้เยอะไม่น่าเชื่อ ว่าแล้วเดี๋ยวจะหา ตัวเลขพวกนั้นมาให้อ่านกัน

สำหรับใครที่สนใจจะอ่าน ก็เข้าไปดูรายละเอียดและ interface ที่ว่าสวยงามนักสวยงามหนาได้ที่ brightcove.com

วันพุธที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

Gooby, Siverstein & Partners



วันนี้มีบริษัทเว็บเจ๋งๆ มาแนะนำให้รู้จักกัน 1 ที่ ชื่อว่า Gooby, Siverstein & Partners บริษัทนี้เป็นบริษัทที่ทำเว็บไซต์อย่างเกม Get the Glass, เว็บไซต์ Comcastic, Banner ของ HP ลองเข้าไปดูกันนะครับที่

http://www.goodbysilverstein.com

วันพุธที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

Blognone: Windows Live Hotmail ตัวจริงมาแล้ว

Windows Live Hotmail ออกรุ่นเบต้ามานานจนแทบลืม ล่าสุดไมโครซอฟท์ได้ประกาศตัวจริงเสียที

นอกจากหน้าตาใหม่ และพื้นที่เก็บเมล 2GB สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือเราสามารถอ่าน Hotmail จาก Outlook ได้ โดยผ่าน Microsoft Office Outlook Connector beta (ซึ่งของเดิมคิดเงิน) และไมโครซอฟท์ยังจะออก Windows Live Mail โปรแกรมสำหรับอ่าน Windows Live Hotmail ซึ่งเป็นผู้สืบทอดของ Outlook Express และ Windows Mail ของ Vista มาในเร็ววัน (อ่านชื่อดีๆ นะครับ มันชวนงงมาก)

ผู้ที่อัพเกรดมาใช้ตัวใหม่สามารถเลือกหน้าตาได้ 2 แบบ คือ Classic (คล้าย Hotmail เก่า) และ Full ที่เหมือน Outlook แต่ถ้าใครยังรักชอบ Hotmail ดั้งเดิมอยู่ ไมโครซอฟท์ก็ไม่ได้บังคับแต่อย่างใด

ที่มา - Microsoft Press, PC World

Blognone: ซันออก JavaFX ชิงเค้ก AJAX

ซันออกแพลตฟอร์ม JavaFX หวังชิงตลาด Rich Internet Applications ที่ปัจจุบันครอบครองโดย AJAX

JavaFX จะประกอบด้วยรันไทม์ซึ่งเป็นส่วนขยายของ JRE ซึ่งมีอยู่ในคอมพิวเตอร์จำนวนมากอยู่แล้ว และภาษาสคริปต์ JavaFX Script ที่ออกมาชนกับ JavaScript ตรงๆ ข้อดีของ JavaFX ที่ซันระบุคือความปลอดภัย (เพราะใช้ sandbox ของ JRE) และความง่ายในการพัฒนา (เพราะเขียนเทียบกับรันไทม์ตัวเดียว ไม่ต้องเจาะเฉพาะเบราว์เซอร์แบบ AJAX)

ตลาดนี้มีคู่แข่งบิ๊กเบิ้มอีกสองรายคือ Adobe Flex และ Microsoft Silverlight อย่างไรก็ตาม การที่ AJAX ได้รับความนิยมก็เป็นเพราะมันไม่ต้องลงรันไทม์นี่ล่ะ

ที่มา - InternetNews

2 จอในหนึ่งเดียว



อ่านจาก blognone แล้วไปหาข้อมูลมาเขียนให้อ่าน..

ตอนนี้ที่ India เค้าพัฒนาระบบการ split หน้าจอ ให้จอเดียวสามารถแสดงผลได้ 2 .. คือแยกจอ แยก mouse แยก keyboard แยกทุกอย่าง เรียกว่าทำมาเพื่อเน้นธุรกิจ SME

วันจันทร์ที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

YouTube ในแบบของ Sony Japan



อ่านข่าวหนังสือพิมพ์เจอมาว่า sony ญี่ปุ่นได้ทำการสร้างเว็บสำหรับให้สาวก sony เข้าไป upload และ view video ของตัวเองและชาวบ้านได้ เรียกง่ายๆก็คือ YouTube ใน version ของ sony น่ะเอง

เว็บนี้ชื่อ eyevio .. เข้าได้จาก http://www.eyevio.jp

ดูแล้วสวยดี สวยกว่า youtube เยอะ ส่วนการใช้งานนั้น ยังดูได้ไม่ละเอียดมาก เพราะอ่านภาษาญี่ปุ่นไ่ม่ออก

วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

Pharm-Fresh Medicine



(จาก wired mag : may 2007)

ว่ากันว่า การสร้างยาชีวภาพนั้นคล้ายๆกับการทำเบียร์ คือทำในสถานที่ที่เหมาะสมและอุณหภูมิที่พอเหมาะ แต่ตรงสถานที่และอุณหภูมิที่พอเหมาะนี่แหละที่ทำให้ต้นทุนในการผลิตยาประเภทนี้มีราคาสูง เมื่อการสกัดตัวยาจากสัตว์หรือจากพืชชนิดหนึ่งนั้น ไม่สามารถได้สารครบ การผสมผสานกันภายนอกจึงที่ว่าจึงอาจจะไม่ work

นักวิทยาศาสตร์ได้คิดค้นวิธีการผสมตัวยาชีวภาพแบบใหม่ คือการปรับแต่ง dna, ฉีดโปรตีนที่จำเป็น ให้กับสัตว์หรือพืช เพื่อเอาไปผสมกันภายในก่อน จากนั้นค่อยสกัดเอาออกมาจากสัตว์หรือพืชนั้นๆเลยทีเดียว

ฟังดูแล้วไม่เลว แต่ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นทดลองอยู่ ส่วนผลจะออกมาเป็นงัย อันนี้ต้องรอดูกันต่อไป

Let There Be Light



(จาก wired mag : may 2007)

ศูนย์ทดลองเรื่องแสง อันนี้อยู่ที่ Australia มีชื่อว่า Bartenbach LichtLabor artificial sky. ด้วยแสงไฟฟลูออแลสเซ็นท์ ฮาโลเจน และ LED ทั้งหมด 3,000 ตัว ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมด และตัวโดมที่มีความสูง 14 ฟุต สถานที่แห่งนี้ เอาไว้จำลองแสงแดด เช่น แสงแดดแรงๆ ในหน้าร้อน หรือแสงในหน้าหนาว

ศูนย์ทดลองแสงนี้มีไว้สำหรับงานสถาปัตยกรรม คือเอาไว้ทดลองดูว่า อาคารที่สร้างนั้นหากโดนแสงแดดในรูปแบบต่างๆ จะเป็นอย่างไร และทดลองเรื่องของกระจกที่ใช้ในการสร้างอาคารด้วยว่า เมื่อเจอแสงแดดที่ต่างๆกัน กระจกชนิดที่ใช้ จะสามารถรองรับและใช้การได้ดีขนาดไหน

http://www.bartenbach.com/en/what-we-do/the-artificial-sky.html

Webby Awards

งานประกวด webby awards ได้ทำการประกาศผลแล้ว ลองเข้าไปดูกันนะ ว่าใครได้รางวัลบ้าง
http://www.webbyawards.com

Web OS : Is the 'Web OS' just a geek's dream?

(อ่านและแปลคร่าวๆ แบบได้ใจความจากเว็บไซต์ news.com http://news.com.com/Is+the+Web+OS+just+a+geeks+dream/2100-7345_3-6174111.html)

ปัจจุบันนี้ ต้องบอกเลยว่าเป็นช่วงเวลาของการเคลื่อนตัวจากการใช้งาน computer desktop ปกติที่เราใช้กันทุกที ไปอยู่บนเว็บไซต์ หรือที่เรียกกันอีกอย่างว่า "WebTops" โดย idea ของการทำเว็บให้เป็น operating system เพื่อละทิ้ง program ที่ run บน windows desktop นั้น มีมาตั้งนานแล้ว หากจะย้อนกลับไปก็น่าจะตั้งการการมี Netscape คือในช่วงกลางๆ 1990s

โดยทางเทคนิคแล้ว Web OS ยังงัยก็ยังต้อง run อยู่ภายใต้ Operating System อย่าง Windows หรือ Linux อยู่ดี แต่ความเป็น WebOS หรือ Webtops ก็คือการย้าย computer และระบบการทำงานของ user ทั่วไปให้มาอยู่บนเว็บ ซึ่งนั่นก็หมายถึงการลดความสำคัญของ Operating System อย่าง Windows หรือ Linux ลง

บริษัทอย่าง Salesforce.com หรือบริษัทหน้าใหม่อย่าง YouOS ก็ได้มีการสร้างอะไรที่พวกเขาเรียกกันว่า Operating system for Internet ซึ่งแน่นอน Microsoft เองก็มีการ build ทีมสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ เรียกกันว่า Windows Live Core team

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาด้านตัวโปรแกรมที่มีการใช้งานในตัว WebOS ก็ได้มีการพัฒนาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้ support ตัวงานทั้งหมดที่ user ใช้กันอยู่ประจำทุกวันได้ แต่อย่างน้อยๆ ก็สามารถ support สิ่งที่ทำบ่อยๆ และสำคัญๆ ได้ เช่น mail หรือ word processor

เมื่อประมาณมีนาคมที่ผ่านมา Laszlo Systems เปิดตัวสิ่งที่เรียกกว่า Laszlo Webtop ซึ่งเป็น software ที่สามารถทำให้ user ทำงานบน web browser ได้เหมือนกับทำงานบน desktop จริงได้ ตัวอย่างเช่น user สามารถ check mail พร้อมกับเปิด contact list manager และในขณะเดียวกันก็เล่น Instant Messaging บน web browser หน้าต่างเดียวกันได้

Laszlo นั้นจำเป็นต้องใช้ software สำหรับตัว server และ client แต่อย่างไรก็ตาม ก็ได้สร้างความฮือฮาให้กับวงการพอสมควร เพราะความเหมือนในการใช้งานยังกะทำงานบน desktop ตัวเองจริงๆ ซึ่งตัว Laszlo นั้นเป็น flash based application และสามารถ share ข้อมูลซึ่งกันและกันได้ ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถ program ใหม่เพื่อการ share ข้อมูลภายในองค์กรเป็นต้น

ในขณะที่ Laszlo นั้น ตั้งกลุ่มเป้าหมายไปที่ บริษัท และ องค์กร ต่างๆ ก็ยังมีบางบริษัทที่เล็งเป้าหมายไปยังกลุ่มบุคคลธรรมดาทั่วไป เช่น

Goowy ได้สร้าง YourMinis ก็ประมาณว่าเป็น Widgets หลายๆตัวเช่น blog, rss บน web browser ตัวเดียวกัน

หรืออย่าง Desktoptwo ก็มี service ที่สามารถทำให้ user ดึงข้อมูลเช่น email ได้จากเครื่องไหนๆ ก้ได้

TransMedia's Glide OS ก็มีการสร้าง program คล้ายๆกับที่เรามีอยู่ปัจจุบันนี้เช่น word processor, e-mail

วันพุธที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๐

เจาะเวลาหาอดีตบนโลก Internet

พอดีได้เข้าไปนั่งอ่านข้อมูลอัพเดทจากเว็บเพื่อนบ้านมาเห็นบทความนี้น่าสนใจเลยเอามาฝากกัน หลาย ๆ คนอาจจะคุ้น ๆ กันอยู่บ้างแต่ถ้าใครยังไม่รู้ว่าเราสามารถย้อนเวลากลับไปหาอดีตในโลก Internetได้จริง ๆ ก็ตามมาเลย

>>เจาะเวลาหาอดีตกับ Waybackmachine
http://www.archive.org/web/web.php มันคือ Web ที่เป็นเสมือน History ของโลก Internet เลยมันสามารถหาได้ว่า Web นี้มีการพัฒนามาอย่างไรบ้าง มันจะทำการเก็บเรื่องราวต่างๆของ Website เอาไว้ ไหน ๆ เราก็จะลองย้อนเวลากันแล้วก็ไปดู Web ของ rgb72 เป็นตัวอย่างไปเลยและกัน อิอิ..



>> วิธีใช้ ใส่ url ที่ต้องการเจาะเวลา แล้วกดปุ่ม take me back
หลังจากใส่ url แล้วรอสักครู่ ระบบจะทำการค้นหาและแสดงผลออกมาว่าเว็บเราถูกสร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่างของ rgb72 นี้เริ่มทำตั้งแต่ปี 2001 เดี๋ยวเราตามไปดูกันดีกว่าว่าเว็บนี้เวอร์ชั่นแรก ๆ จะเป็นอย่างไร



>> ปี 2002
เว็บแรก ๆ ของบริษัท ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เอามาให้ชมกันใช้เทคโนโลยีแฟลชล้ำสมัยสุด ๆ แสดงผลหน้าเว็บแบบไม่มีขอบวินโดวส์ ที่เรียกว่า chomeless window ด้วย



>> ปี 2003
พอมาปีนี้ปรับเปลี่ยนให้ดูเรียบร้อย เป็นทางการมากขึ้น...



>> ปี 2004 - ปัจจุบัน
อันนี้เป็นเวอร์ชั่นที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน หุหุ



เป็นอย่างไรกันบ้างกับการเจาะเวลาหาอดีตกัน ใครสงสัยว่าเว็บดัง ๆ สมัยก่อนนี่หน้าตาจะเป็นยังไงก็ลองเข้าไปค้นหากันได้เลย เผื่อจะได้เห็นอะไรที่เราอาจจะลืมกันไปแล้วอีกครั้งก็ได้

ขอขอบคุณข้อมูล จาก www.scriptdd.com
looneytunes