rgb72 Blog, Technology, Internet Marketing, Hardware, Software, and Web Design Reviews

วันพุธที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒

ติดตั้ง s72







วันนี้ rgb72 ตั้ง server ใหม่ที่ inet ถนนเพชรบุรี เราตั้งชื่อ service ใหม่นี้ว่า "s72" ซึ่งหลังจากการติดตั้งวันนี้แล้ว เราจะทำการ test ตัว server ในระยะเวลาหนึ่งก่อนที่เราจะเปิดให้บริการในระดับ premium เฉพาะกับลูกค้า rgb72 เท่านั้น สำหรับ spec ของ server นั้น เราใช้ server ของ Dell PowerEdge R300 เป็น Quad-Core Intel Xeon Processor วันนี้เลยไปถ่ายรูปมาให้ดู

ไปอยู่ในห้อง server แล้วก็อดสงสัยกับการตกแต่งห้องของเค้าไม่ได้ ว่าทำไมต้องมีห่วงยาง -_-"

เลยเดากันว่า ไม่รู้ว่าจะเอาไว้กัน server ล่มรึเปล่า??

วันจันทร์ที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒

Creative Thinking ทดลองผสม "นม" สร้างสูตรใหม่

วันนี้สอนนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยธัญบุรีเรื่อง creative thinking โดยมีโจทย์ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วว่า ให้นศ.ไปหาทดลองหาสูตรการทำเครื่องดื่มใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย โดยให้มีส่วนผสมหลักคือ "นม"

ใครที่ได้อ่าน blog72 บ่อยๆ อาจจะเคยได้เห็นว่าผมเคยให้ นศ.อยู่ปีหนึ่งได้ทดลองคิดสูตรขึ้นมาใหม่สำหรับการผสมน้ำผลไม้สองชนิดให้ได้รสชาติใหม่ โดย key หลักคือให้น้ำที่ผสมมานั้นต้องเหมาะสมกับประเทศที่ตนจับฉลากได้ เช่น อิตาลี บราซิล เป็นต้น

คราวนี้ก็เช่นกัน

แต่ดีกว่าเดิมตรงที่มีแค่ 6 กลุ่มเท่านั้น ความเสี่ยงที่จะท้องเสียจึงมีน้อยลง

กลุ่มแรกของวันนี้มาด้วย "นม + เก๊กฮวย"
สีไม่ได้เหลืองอย่างที่คิดไว้ทีแรก แถมรสชาตก็หวานหอมใช้ได้ นม + เก๊กฮวย นี้ถือว่าสอบผ่าน

กลุ่มที่สองคือ "นม + ฝรั่ง + สัปปะรด"
รสชาตออกมาเหมือนยาคู้ เปรี้ยวๆ หวานๆ แต่รวมๆแล้วเหมือนว่ารสชาตของฝรั่งจะนำออกมาอย่างชัดเจนมากๆ จะอธิบายง่ายๆก็จะเหมือนกินน้ำฝรั่ง แต่ว่ามีความมัน หนัก ของนมเข้ามาผสมอยู่ด้วย

กลุ่มที่สาม มาด้วย "นม + แคนตาลู๊ป"
ก่อนจะดื่ม กลิ่นของแคนตาลู๊ปก็ลอยมาเตะจมูกอย่างแรง หอมมากๆ พอได้ทาน รสชาตก็ดีใช้ได้ มีหวานนิดๆ อย่างไรก็ตาม กลุ่มนี้มีการใส่ coco crunch เป็น topping ซึ่งเหมือนว่าจะดูดี แต่กลับกลายเป็นทำให้มีหน้าตาดูแปลกประหลาดไม่น่ากิน และเมื่อ coco crunch เจอนม coco crunch ก็ละลายออกมาเป็นสีออกน้ำตาลๆ ดูแปลกๆ สรุปแล้วคือจริงๆดีอยู่แล้ว แต่มี coco crunch เข้ามาทำให้ตัวผลิตภัณฑ์เสียไปพอสมควร

กลุ่มที่สี่ คือ "นม + โคโรฟีล"
นศ.บอกว่า ต้องการให้ได้สารอาหาร ดังนั้นเอาเลยเอาผงโคโรฟีลมาผสม สีเขียวดูใช้ได้ รสชาติเหมือนนมปกติแต่เหมือนมีกลิ่นของอะไรซักอย่าง พอได้ชิมแล้วรู้สึกเหมือนรสชาตอาหารอะไรซักอย่างไม่แน่ใจ จนกระทั่งมีนศ.คนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า รสชาตเหมือน "ข้ามต้มมัด" เลยทำให้คิดไปด้วยว่า "เออว่ะ เหมือนจริงๆ"

กลุ่มที่ห้า "นม + น้ำตาลสด"
ผมชอบกินน้ำตาลสด การเอานมมาผสมน้ำตาลสดจึงอร่อยไม่เบา ด้วยความหวาน และ หอมของน้ำตาลสด ทำให้นมรสชาตนี้อร่อยพอสมควร กินๆไปแล้วนึกได้ว่า ถ้ามีซาหริ่ม หรือ ทับทิมกรอบมาร่วมด้วย ก็จะอร่อยมาก

กลุ่มที่หก "นม + กล้วย"
จริงๆ โจทย์คราวนี้ผมได้แรงบันดาลใจมาจากการที่ได้ไปกินนมผสมกล้วยที่ เกาหลี ซึ่งอร่อยมาก แล้วก็ไม่พลาด มีนศ.ทำนมผสมกล้วยมาด้วยจริงๆ แต่ว่าเป็น นม + กล้วย ปั่น เค้าใช้กล้วยหอมมาทำ พอได้ชิมแล้วรู้สึกว่า ความฝาดของกล้วยนำมาเลย สำหรับรสชาตนั้นก็พอจะเหมือนกับที่ผมเคยได้กินมา แต่ของนศ.จะออกจืดหน่อย อาจจะเป็นเพราะการที่ได้นำไปผสมกับน้ำแข็งแล้วปั่น ทำให้ความเข้มข้นลดลง

สรุปแล้วกิจกรรมในวันนี้สนุกดี ได้ให้นศ.ได้ทดลองหาอะไรใหม่ๆ ส่วนเราเองก็ได้เห็นไอเดียใหม่ๆ ทำให้รู้ว่าจริงๆแล้วยังมีอะไรที่น่าสนใจอีกตั้งมากมาย และที่สำคัญจบงานวันนี้ ผมไม่ท้องเสียครับ


รวมภาพถ่ายนมรสชาตต่างๆ


ตัวแทนกลุ่มออกมาดื่มนมของตัวเองด้วยท่าทางที่สดชื่นนนนนน... สุด สุด

วันจันทร์ที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒

Macy's thanksgiving day parade



งาน festival ที่ยิ่งใหญ่งานหนึ่งที่ผมอยากไปมากๆ แต่ไม่เคยได้ไป (ทั้งๆที่ตอนนั้นก็อยู่อเมริกาซะตั้งนาน แต่ไม่รู้ว่าไปอยู่ตรงไหน) ก็คืองาน Macy's thanksgiving day parade

งานนี้เป็นงานแสดง ballon ขนาดยักษ์มากๆ หลายลูก แล้วพากันเดินเรียงแถวกันเป็นพาเรด ตัว ballone หรือลูกโป่งยักษ์นี้จะถูกสร้างสรรค์เป็นรูปการ์ตูน character ต่างๆที่โด่งดัง เช่น Kitty, สนุ๊กปี้, Shrek โดยงานนี้จะจัดที่ New York เป็นประจำทุกปี

Macy คือชื่อของห้างสรรพสินค้าที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งในอเมริกา สาเหตุที่ให้มีการจัดการเดินพาเรดแบบนี้ก็เพื่อเป็นการต้อนรับเทศกาลการ shopping ครั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึงอีกครั้ง นั่นคือการ shopping สำหรับวันคริสมาส

สืบเนื่องมาจากที่ได้อ่าน Fortune เล่มล่าสุด หน้าปก Steve Jobs - CEO of the decade แล้วมีเรื่องของงาน Macy's thanksgiving day parade นี้ด้วย ดังนั้นเลยขอหยิบยกข้อมูลบางส่วนที่น่าสนใจจากในเล่มนี้มาให้ได้รู้กัน

450 ปอนด์negative weight ของ ballon ตัวที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งที่ความยาวประมาณ 80ฟุต (ค่า negative weight คือค่าที่ตัว ballon สามารถยกได้คือ 450 ปอนด์)

240,000 เหรียญสหรัฐ (แปลงเป็นไทยได้ประมาณ 7,980,000บาท) คืออัตราค่าโฆษณาทีวีสำหรับระยะเวลา 30วินาที ในช่วงที่มีการถ่ายทอดสดการเดินพาเรด (สำหรับอัตราค่าโฆษณาทีวี 30วินาทีของการถ่ายทอด SuperBowl นั้นอยู่ที่ 3ล้านเหรียญ หรือ 99,750,000บาท) อย่างไรก็ตาม มีบริษัทจำนวนไม่น้อยที่ยอมจ่ายเงินจำนวนเท่านี้หรือมากกว่าเพื่อให้ได้สิทธิ์ในการแสดง ballon ที่มีรูปสินค้าของตนอีกด้วย

-3.4% คืออัตราการลดลงของยอดขายของ Macy ที่ได้ทำการคาดการณ์ไว้สำหรับไตรมาสสุดท้ายที่จะถึงนี้ แม้ว่าการจัดพาเรดจะเป็นการแสดงให้เห็นถึงการเริ่มต้นของการ shopping แต่สืบเนื่องจากการชลอตัวการใช้จ่ายเงินของลูกค้าในปีนี้ ก็น่าจะทำให้มีผลกระทบกับยอดขายได้อย่างแน่นอน

สำหรับปีนี้ งาน Macy's thanksgiving day parade จะจัดขึ้นในวันที่ 26 พฤศจิกายนนี้ โดยคาดการว่าจะมีคนร่วมงานประมาณ 3ล้านคน และมีอีกกว่า 43ล้านคนที่จะเปิดทีวีช่อง NBC เพื่อชมการถ่ายทอดสด และจากสถิตินี้ทำให้งาน Macy's thanksgiving day parade เป็นงานที่มีผู้ชมมากที่สุดในจำนวนงานพาเรดทั้งหมด

** ลองเ้้ข้าไปดูเว็บไซต์ของ Macy ได้ที่ http://social.macys.com/parade2009 **






วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒

ลอก, เหมือน, หรือ บังเอิญ

พอดีว่าไปเห็นความเหมือนของ brand ทั้งสองคู่นี้มา เลยเก็บเอามาให้ดู..


วันจันทร์ที่ ๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒

Martha Stewart Living Thailand





Martha Stewart เป็นอีกหนึ่ง brand ที่ผมใส่ใจและติดตามงานของเค้าอยู่เสมอๆ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะความที่ผมเองเคยเป็นหนึ่งในทีมงานของเธอมาก่อน สมัยอยู่อเมริกา (ขอโม้ซักหน่อย)

ก่อนที่จะได้ไปทำงานกับ Martha นั้น ต้องบอกว่าผมแทบจะไม่รู้จักเธอซักเท่าไร่เลย รู้แต่ว่าเธอเป็นคนมีชื่อเสียง แล้วเป็น celeb สำหรับผู้หญิงกลุ่มแม่บ้าน

เมื่อได้มาทำงานแล้ว พบว่า ทีมงานของ Martha Stewart นั้นเต็มไปด้วยความ creative และความใส่ใจในงานที่สร้างสรรค์ออกมา ยกตัวอย่างเช่น ครั้งหนึ่งที่ผมเดินหลงๆ แล้วไปพบกับทีมงานกลุ่มหนึ่ง กำลังทำงานกับกองเศษสิ่งของต่างๆที่เหลือใช้ ขอเพียงแค่มีกลิ่นเท่านั้น มันก็จะดูเป็นกองขยะดีดีนี่เอง

ผมเห็นเค้าหยิบเลือกสิ่งของจากกองขยะนั้น แล้วก็พยายามเอามาประกอบกัน เลือกแล้วเลือกอีก ผมจึงเข้าไปถามว่าทำอะไร คนที่ทำงานอยู่เค้าบอกว่า "กำลังค้นคว้าทำของใช้จากสิ่งที่เหลือใช้" เพื่อนำไปลงใน magazine

เจ๋งดี เห็นแล้วรู้สึกว่า เค้ามีทีมงานที่คอยสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ แม้กระทั่งจากของเหลือใช้ โดยใช้ idea ของตัวเอง idea ที่เป็น original

นอกจากนี้สิ่งที่ผมติดตามมาตลอดก็คือเรื่องของงาน ออกแบบ ที่ทุกครั้งไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบของ magazine หรือหนังสือ ก็จะทำออกมาได้สวยมากๆ

วันนี้ไปร้านหนังสือ พบ magazine ของ Martha Stewart Living แต่ว่าเป็นฉบับภาษาไทย

ว้าวววว.. เล่มแรก ที่เป็นภาษาไทย เห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะต้องซื้อมาเพื่อดูว่า ด้านในยังจะคงไว้ซึ่งความสวยงามใน design โดยมีภาษาไทยเป็นหลักได้อย่างดีอยู่หรือไม่

จะไม่ขออธิบายอะไรมากนะครับ แค่จะบอกว่า ยังคงความสวยงามไว้ได้ดีเหมือนเดิม ดูน่าอ่าน คง style ความเป็น Martha ได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน ..

Magazine version ภาษาไทยฉบับแรกนี้ เค้าได้มีแถมหนังสือเล่มเล็กๆมาด้วยอีกเล่มหนึ่ง ชื่อว่า "10 things everyone should know" มาด้วย ซึ่งออกแบบได้ดูดีน่ารักจริงๆ

ดูจากสีหน้าปก ที่ปูพื้นด้วยสีฟ้า บวกกับ pattern รูปวงกลม ดูแล้วสวยดี

แต่พอได้มองเข้าไปดูใกล้ๆพบว่า..

ไอ้ Pattern วงกลมที่ว่านี้ เป็น pattern ที่สร้างขึ้นเอง เขียนว่า Martha Stewart ซ้อนกันสองวง วงละสี

สวยดี



ลองดูครับ

เพิ่งซื้อมายังไม่ได้ลองอ่านอย่างละเอียดเท่าไร่ แค่ได้เปิดๆดูคร่าวๆ ก็ตื่นเต้นจนอยากจะเขียน อยากจะเอารูปมาให้ได้ดูกันที่นี่ คิดเห็นอย่างไร ลองดูละกันนะครับ

Martha Stewart อีก brand หนึ่งที่น่าจับตามองครับ










วันพุธที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒

ถ่ายรูป project เรือด่วนเจ้าพระยา

สืบเนื่องจาก project ใหม่ที่เราได้มาทำนั่นคืองานทำเว็บไซต์ให้กับ บริษัทเรือด่วนเจ้าพระยา .. ถูกต้องครับ เรือด่วนที่เรานั่งๆกันในแม่น้ำเจ้าพระยานั่นแหละ เมื่อทางบริษัทต้องการทำเว็บไซต์ ทางเราก็ไม่ปฎิเสธ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ทำให้ project นี้น่าสนุกขึ้นมากๆก็คือ การได้ถ่ายรูปเรือด่วน และยิ่งไปกว่านั้นคือการถ่ายรูปกับเรือด่วนที่กำลังวิ่ง

ดังนั้นวันนี้จึงอยากจะนำเอาประสบการณ์การถ่ายรูปเรือด่วนมาแบ่งปันกัน

ทีมงานในวันเสาร์ที่ผ่านมา (31ต.ค.52) มีเก่ง rgb72 และโบ๊ท area80 เป็นช่างภาพ โดยมีเรือขนาดเล็กเป็นเรือโดยสาร

จุดที่เป็นสถานที่ถ่ายภาพคือช่วงกลางแม่น้ำ ใกล้ๆสะพานกรุงเทพ คือจุดที่เลยออกมาจากช่วง สาทร โรงแรมโอเรียลเต็ล มาแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่ peak ที่สุด แต่ส่วนที่เราอยู่นั้นเป็นจุดที่เรือน้อยและแม่น้ำมีช่วงที่กว้าง

เรือด่วนมีทั้งหมด 2 แบบ คือขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ หรือที่เค้าเรียกกันว่า เรือ BOI เราเริ่มจากเรือขนาดเล็กก่อน โดยเริ่มจากภาพที่ให้เรืออยู่นิ่งๆ



เรือถูก set ไว้กลางแม่น้ำ จากนั้นเราก็เริ่มถ่ายรูปกัน และแน่นอน เราต้องใช้เรือโดยสารขับไปรอบเรือด่วนเพื่อให้ได้มุมที่มีแสงตกกระทบที่ตัวเรือด่วนให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ได้ภาพที่มีแสงสวยที่สุด

ทั้งเรือโดยสารของเราก็วนกันหลายรอบ เรือด่วนเองก็ต้องม้วนกันหลายตลบ แต่สุดท้ายก็สามารถถ่ายภาพได้สำเร็จ

ถัดมาเป็นเรื่องที่ยากกว่า นั่นคือการถ่ายเรือด่วนที่กำลังวิ่ง สิ่งที่เราต้องคำนึงถึงในงานนนี้คือ
1. ภาพที่ต้องการถ่าย จะให้เห็นเรือในมุมไหน ด้านหน้าตรง หรือด้านข้าง หรือทแยงมุม
2. เมื่อดูแสงอาทิตย์ที่สาดลงมา เราจะต้องอยู่ที่ฝั่งซ้าย หรือ ขวาของเรือ
3. วิว background ด้านหลัง จะเป็นรูปอะไร ซึ่งจากจุดที่เราอยู่ วิวของตึกแถบสาทรจะเป็นวิวที่ทำให้ดูดีมากๆ
4. เมื่อกำหนดวิวได้แล้ว หากเรือวิ่งแล้ว วิวที่ได้ จะได้เหมือนเดิมหรือไม่
5. การกำหนดทิศทางการวิ่ง ถ้าวิ่งตามทางแม่น้ำ วิวของตึกจะอยู่ทางหลังเรือ ดังนั้นถ้าจะถ่ายด้านข้างเรือ ก็จะเห็นวิวอื่น

ดังนั้นจากโจทย์ทั้งหมด เราคิดได้ว่า

เราจะวิ่งเรือทั้งสองเป็นในแนวทแยงมุม ขวางลำแม่น้ำ ทั้งนี้เพื่อให้เห็นวิวของตึกด้านหลัง ไม่ว่าเราจะถ่ายด้านหน้าหรือด้านข้างของเรือก็ตาม และเราต้องอยู่ทางด้านขวาของเรือ เนื่องจากแสงที่ตกลงมานั้น ลงมาทางด้านขวาของเรือด่วนพอดี

เมื่อ set ทุกอย่างได้เรียบร้อย เรือถูกนำไปไว้ที่ฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ

เมื่อทุกอย่างพร้อม เราเริ่มต้นด้วยการให้เรือโดยสารของเราออกก่อน จากนั้นจึงจะเป็นเรือด่วน



แน่นอนครับเรือด่วนต้องเร็วกว่า ปัญหาเรามีอยู่ว่า ถ้าเรือด่วนวิ่งช้า น้ำที่เห็นเป็นเส้นด้านหน้าเรือเวลาเรือแหวกน้ำ จะเห็นน้อย และจะเห็นชัดว่าเรือวิ่งไม่ได้เร็วจริง แต่ถ้าให้เรือวิ่งเร็วจริง เรือโดยสารเรา อาจจะตามไม่ทัน

แต่ไม่เป็นไร เวลานั้น ไม่ได้จะมาคิดมากขนาดนี้ สิ่งที่เราทำได้ก็คือต้องตะโกนบอกคนขับเรือของเราว่า

"เร่งเล้ยยยย เร่งเลยยยย... ให้เร็วๆ นำไปเลยคร๊าาาบบบบบบบ"

แล้วเรือเราก็เร่งสุดชีวิต คุณโบ๊ทก็ถ่ายรูปแบบไม่ยั้ง ส่วนผมเองก็ช่วยถ่ายด้วยเช่นกัน


คุณโบ๊ท

มีเวลาเพียงไม่นานก็ถึงอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำแล้ว ดังนั้น เราจึงต้องเริ่มกันใหม่

ทำแบบนี้กันหลายรอบจนคนขับเรือเริ่มเหนื่อย เราเองก็เหนื่อย แต่ว่าก็สนุกดี และต้องทำแบบนี้กับเรือทั้งสองประเภท


ถ่ายอะไรไม่รู้

วันนั้นถ่ายกันจนถึง 5 โมงเย็น จนฟ้าเริ่มมืด ภาพที่ได้ออกมามีผลเป็นที่น่าพอใจ (ภาพที่เอามาลงเป็นภาพที่ยังไม่ได้ retouch) นอกจากภาพที่ได้แล้ว เรายังได้ความเหนื่อยและความดำกลับมาอีกด้วย


เรือโดยสารของเรายามเย็น